โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ 99/19 ถ.สุโขทัย, แขวง ดุสิต เขตดุสิต, กทม. 10300
02-1054370, 02-2413246
เสริมปลายจมูกแบบยืด ดั้งเป๊ะ ปลายจมูกพุ่งอย่างเป็นธรรมชาติ
เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ tipball

เสริมปลายจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ

วิธีการเสริมปลายจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ เทคนิคการเสริมจมูกแบบใหม่ที่นิยมในหมู่ดาราเกาหลี และใช้ในวงการแพทย์อย่างแพร่หลายในประเทศเกาหลีใต้
วิธีการเสริมปลายจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ เทคนิคการเสริมจมูกแบบใหม่ที่นิยมในหมู่ดาราเกาหลี และใช้ในวงการแพทย์อย่างแพร่หลายในประเทศเกาหลีใต้

เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ tipball
เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ tipball

เทคนิคพิเศษเสริมปลายจมูกแบบยืดพุ่งพิเศษ

คือ การเสริมจมูกเทคนิคใหม่ล่าสุดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการศัลยกรรมประเทศเกาหลี แพทย์ชื่อดังทั้งในเกาหลี และอเมริกาต่างเลือกใช้ตัวช่วยพิเศษนี้ แม้กระทั่งสาวไทยหลายต่อหลายคนก็บินลัดฟ้าไปศัลยกรรมด้วยเทคนิค เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ ที่ต่างแดน ซึ่งเทคนิคนี้จะเหมาะกับคนไทยเป็นพิเศษ เพราะโครงสร้างจมูกของคนเอเชียจะไม่มีปลายพุ่งออกมา หาก ศัลยกรรมจมูก ด้วยเทคนิคนี้จะได้ความพุ่งแบบเป็นธรรมชาติ และสามารถตอบโจทย์ปัญหาจมูกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ข้อดีของการเสริมปลายจมูก

  • ปลายพุ่งสวยธรรมชาติ 
  • ใช้เวลาเพียง 60 นาที
  • ไม่มีอัตราเสี่ยงการทะลุ
  • ไม่ต้องเปิดแผลหลังหู
  • ไม่ต้องดมยา
  • Tip ball จะสลายใน 18 เดือน

1 . คุณหมอทำการตรวจสอบโครงสร้างใบหน้า และจมูกของคนไข้ เพื่อการประเมินการผ่าตัดที่แม่นยำ ให้ทรงจมูกที่ออกมารับกับใบหน้ามากที่สุด ต่อมาจึงทำการกำหนดตำแหน่งสำหรับผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมจมูก

2 . ออกแบบซิลิโคน และวัสดุชนิดพิเศษที่จะช่วยเสริมปลายจมูกให้ได้ขนาดที่พอเหมาะ และสวยงามรับกับใบหน้าโดยรวม
3 . หลังคุณหมอทำการออกแบบขนาดซิลิโคนที่เหมาะสมแล้ว จึงทำการฉีดยาชาบริเวณจมูก รอจนยาชาออกฤทธิ์แล้วจึงเริ่มลงมือผ่าตัดเปิดแผลตรงบริเวณฐานด้านล่างปลายจมูก นำซิลิโคนสำหรับช่วยเพิ่มความสูงโด่งใส่ไปยังบริเวณสันจมูก ต่อด้วยการใส่วัสดุพิเศษ (4D Tip ball) ไปยังบริเวณปลายจมูก แล้วจึงเย็บปิดแผลผ่าตัด

เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ tipball
รีวิว เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ
รีวิว เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ
รีวิว เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ
รีวิว เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ
รีวิว เสริมจมูกแบบยืดปลายพุ่งพิเศษ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดกลุ่มหรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
  • ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
  • งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)

การดูแลหลังผ่าตัด

  • ประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประมาณ 1-3 วัน รอบจมูก เช่น แก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก (ไม่ให้ประคบที่จมูกโดยตรง) หลังจากนั้นถ้ามีรอยฟกช้ำให้ใช้น้ำอุ่นชุบผ้าขนหนู หรือถุงน้ำร้อนประคบ
  • หลังผ่าตัด 24 – 48 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดหรือคัดบริเวณจมูกและใบหู และบวมบริเวณใบหน้าบ้าง ให้รับประทานยาแก้ปวด และต้องรับประทานยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งให้หมด
  • หลังจากผ่าตัดแพทย์จะใส่ Nasal packing ในรูจมูกทั้งสองข้างเพื่อดามจมูกไว้ อาจทำให้หายใจไม่สะดวก ทั้งนี้ให้ใช้วิธีให้หายใจทางปากแทน
  • คนไข้ต้องเข้ามาฉีดยาฆ่าเชื้อและนำ Nasal packing ออกจากรูจมูกในวันถัดมาหลังจากผ่าตัดที่โรงพยาบาลกับพยาบาลวิชาชีพ (ห้ามถอดด้วยตัวเอง)
  • จมูกอาจจะบวมมากที่สุดประมาณ 2 – 3 วัน เฝือกจะช่วยลดอาการบวมและช่วยให้จมูกตรง ซึ่งจะถอดออก วันที่ 7 พร้อมตัดไหม (ห้ามถอดด้วยตัวเอง)
  • หลังจากทำจมูก 3 วัน – 1 สัปดาห์ สามารถไปทำงานได้ โดยในช่วง 1 – 3 อาทิตย์แรกควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก , การขยี้จมูก , ก้มหน้านานๆ , ยกของหนัก
  • กิจกรรมบางอย่างที่ออกกำลังมาก เช่น การวิ่ง , การมีเพศสัมพันธ์ สามารถทำได้หลังอาทิตย์ที่ 3 ของการทำจมูกส่วนการว่ายน้ำสามารถว่ายได้หลังอาทิตย์ที่ 3 เช่นกัน แต่ควรแน่ใจด้วยว่าแผลแห้งดีแล้ว
  • โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะยุบบวมประมาณ 60% ใน 1 อาทิตย์ , 80% ใน 1 เดือน , ยุบบวมและเข้าที่ 90% – 100% ในอีก 3 – 6 เดือน