ศัลยกรรมแก้ไขหนัง ตาตก เป็นการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร การผ่าตัดแก้ไขหนังตาที่หย่อนคล้อย จะช่วยให้คุณมีดวงตาที่สวยขึ้น และมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม นอกจากนี้การผ่าตัดแก้ไขหนังตาหย่อนคล้อยยังช่วยในเรื่องการเสริมโหงวเฮ้งของคุณให้ดีขึ้นด้วย เพราะดวงตาตกนั้นทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมอง เหมือนคนอาภัพอับโชค ในขณะเดียวกันดวงตาที่สวยจะช่วยเสริมบุคลิกภาพ และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มโหงวเฮ้งของคุณให้ดีขึ้น เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดบนใบหน้าปัญหาหนังตาตกจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง
ตาตก ไม่ดีอย่างไรตามหลักโหงวเฮ้ง
โหวงเฮ้งเป็นศาสตร์เก่าแก่แขนงหนึ่งของคนจีนที่คนไทยมีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณ เพราะสามารถบ่งบอกลักษณะบุคลิก โชคลาภวาสนา ความเจริญรุ่งเรื่อง และความประสบความสำเร็จในชีวิตได้ผ่านลักษณะบนใบหน้าที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล โดยโหวงเฮ้งเกี่ยวกับตาตก ว่ากันว่าเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย หัวอ่อน ชีวิตมักประสบแต่ปัญหา ดวงมักขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่หยุดนิ่ง มักถูกเอาเปรียบ และไม่สมหวังด้านความรัก นอกจากตาตกแล้ว ตาชิด ตาเล็ก ตาหยี ตาโปน ตาห่าง ก็มีผลไม่ดีต่อโหวงเฮ้งเช่นกัน
ลักษณะรูปตาที่ดีตามหลักโหงวเฮ้งเป็นอย่างไร
ปัจจุบันสาวเอเชียโดยเฉพาะสาวไทยนิยมทำศัลยกรรมตาเป็นจำนวนมากเพราะมีรูปตาที่เล็ก และมีปัญหาตากระตุก ร่วมด้วย ซึ่งส่งผลกระทบถึงความมั่นใจอย่างมาก และอาจถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการทำงาน สำหรับดวงตาที่ดีตามหลักโหวงเฮ้งบริเวณหางของดวงตาจะต้องเชิ่ดขึ้นเล็กน้อย สื่อถึงดวงตาที่มีความสุข มีแต่ความโชคดี เป็นผู้มีสติปัญญาดี มีบารมี มีความสง่างามอยู่เสมอ หากเป็นหัวหน้าจะได้รับการเคารพนับถือจากลูกน้อง และคนรอบข้างอยู่เสมอ หากเป็นลูกน้องจะได้รับการอุปถัมอุ้มชูโดยหัวหน้า
นอกจากนี้รูปตาที่ดีตามหลักโหวงเฮ้งยังต้องแลดูกลมโต ดวงตาไม่ลึกเกินไป รูปตายาว และกว้างได้สัดส่วนกับใบหน้า มีตาสองชั้น และมีถุงใต้ตาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามก่อนทำศัลยกรรมคนไข้ ควรตัดสินใจเลือกรูปทรงตาให้เข้ากับใบหน้าของตนเอง เพราะนอกจากเรื่องการเสริมโหวงเฮ้งแล้ว ต้องเสริมความมั่นใจด้วยเช่นกัน
หนังตาตกคืออะไร
หนังตาตก คือ หนังตา หรือเปลือกตาบนตกลงมามากกว่าปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วหนังตาบนจะต้องคลุมตาดำไม่เกิน 2 มิลลิเมตร โดยอาจตกลงมาเพียงเล็กน้อยไปจนถึงตกลงมาปิดคลุมตาดำทั้งหมด หนังตาหย่อนคล้อยอาจเกิดขึ้นได้เพียงข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง ส่งผลทำให้เกิดปัญหาดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือลืมตาไม่ค่อยได้ รู้สึกหนัก ๆ ตา และบางรายอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น
สาเหตุที่ทำให้หนังตาตกมีอะไรบ้าง
ภาวะของหนังตาตกแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- กลุ่มที่เป็นตั้งแต่กำเนิด
- หนังตาตกในเด็กแรกเกิด เกิดจากอาการกล้ามเนื้อหนังตาผิดปกติตั้งแต่กำเนิด โดยเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดได้ผ่านทางพันธุกรรม หากหนังตาหย่อนคล้อยลงมากจนบดบังการมองเห็น อาจทำให้เกิดภาวะสายตาขี้เกียจตามมาในภายหลังได้ ดังนั้นถ้าหากพบว่ามีเด็กมีภาวะหนังหย่อนคล้อยหรือเป็นโรคตาขี้เกียจ ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อดูว่ามีอาการรุนแรงหรือไม่
- หนังตาอูมตั้งแต่กำเนิด มักพบในคนเอเชีย ลักษณะคือ มีเปลือกตาหนา ไขมันเยอะ ทำให้หนังตาอูม คล้ายคนอดนอน ดวงตาดูไม่สดใส หรือบางรายที่มีหนังตาอูม ขนตาจะทิ่มลง ทำให้รู้สึกเคืองและแสบตา หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอาการติดเชื้อบริเวณดวงตาได้
- กลุ่มที่เป็นภายหลัง
- เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อ โดยสามารถเป็นได้ทั้งตั้งแต่เนิดหรือเกิดขึ้นได้ในภายหลังจากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุบริเวณเปลือกตา เปลือกตาอักเสบ และกล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรง
- เกิดจากพฤติกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อตายืดหรือบาดเจ็บ เช่น ขยี้ตาบ่อย ใส่คอนแทคเลนส์ที่มีความโค้งไม่เหมาะสม การแพ้คอนแทคเลนส์ที่ใส่เนื่องจากทำความสะอาดได้ไม่ดี หรือการใส่คอนแทคเลนส์มาเป็นระยะเวลานาน
- เกิดจากอายุที่มากขึ้น ทำให้การยึดเกาะของกล้ามเนื้อตาเสื่อมลงและหลุดจากที่ยึดเกาะได้
- เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท หรือก้อนเนื้องอกทับเส้นประสาตา ทำให้หนังตาตกหรืออ่อนแรง
วิธีแก้ไขหนังตาตกโดยการศัลยกรรม
การศัลยกรรมหนังตาตกสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่ควรเลือกเข้ารับการผ่าตัดกับสถานพยาบาลที่น่าไว้วางใจ และทำการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อให้แพทย์เลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาที่เรามี โดยวิธีที่นิยมนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา มีดังนี้
- การผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตา
เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับกล้ามเนื้อตาให้ทำงานได้ดีขึ้นเพื่อรักษาอาการตาตก ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตาสามารถช่วยยกเปลือกตาขึ้นและทำให้ตาดำมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยวิธีนี้ยังสามารถทำเพื่อรักษาอาการตาเขได้ ปัญหานี้เกิดจากกล้ามเนื้อตาทำงานประสานกันไม่ได้ ทำให้ตาไม่มองตรง การแก้ไขกล้ามเนื้อตาสามารถช่วยทำให้ตาทั้งสองข้างมองตรงได้
- การผ่าตัดเก็บหนังตาหย่อนใต้ท้องคิ้ว
เป็นการผ่าตัดที่ศัลยแพทย์จะกรีดแผลใต้คิ้วเพื่อเอาหนังตาส่วนเกินออก การผ่าตัดนี้มักจะทำร่วมกับการผ่าตัดอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดหางตาตก การผ่าตัดถุงใต้ตา และการผ่าตัดหนังตาตก เพื่อทำให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นนั่นเอง
- การผ่าตัดเอนโดไทน์
เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้าด้วยการใช้วัสดุทางการแพทย์ที่เรียกว่า เอนโดไทน์ ( Endotine ) เป็นตัวช่วยในการยึดผิวชั้นในให้ยกกระชับ สามารถแก้ปัญหาใบหน้าส่วนต่างๆได้ เช่น หนังตาตก ยกคิ้ว ยกหางตา หนังตาเยอะ ดึงหน้าผาก โดยเอนโดไทน์ทำมาจากวัสดุชีวภาพที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ผลลัพธ์ของการผ่าตัดเอนโดไทน์จะคงอยู่ได้นาน 5 – 10 ปี
ใครที่เหมาะกับการศัลยกรรมแก้หนัง ตาตก
ปัญหาหนังตาตกไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อความสวยงามของใบหน้า แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพการใช้ชีวิต และความมั่นใจ รวมไปถึงโหวงเฮ้งด้วยหากเริ่มรู้สึก หรือสังเกตุเห็นถึงหนังตาที่หย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตา และหางตาของตนเอง ว่าใบหน้าดูหม่นหมอง ดูแก่กว่าวัย แนะนำให้เข้าพบจักษุแพทย์เพื่อปรึกษาถึงแนวทางการรักษา ในเบื้องต้น คนที่เหมาะกับการศัลยกรรมแก้ไขหนังตาตกจะมีลักษณะดังนี้
- หนังตาหย่อนคล้อยจนทำให้ชั้นเปลือกตาหายไป ปิดบังการมองเห็น เห็นภาพซ้อน
- ลืมตาไม่สุด ต้องเบิ่งตาบ่อย ๆ
- มีชั้นตาสองข้างไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัดส่งผลถึงการแสดงสีหน้า และอารมณ์
- มีลักษณะตาปรือเนื่องจากหนังตาหย่อนคล้อย ดวงตาดูเศร้าหมอง
- มีตำแหน่งของดวงตาสองข้างไม่สมดุลกัน
- คนที่ต้องการเปลี่ยนโหวงเฮ้งตนเอง ต้องการให้หน้าดูสดใส มีชีวิตชีวาแลดูอ่อนเยาว์
วิธีสังเกตอาการหนัง ตาตก
- หางตาอยู่ในระดับต่ำกว่าหัวตาอย่างเห็นได้ชัด หรือหางตามีลักษณะลู่ลง
- หางตาในบริเวณเปลือกตา เนื้อมีลักษณะอูม จากหนังตาที่หย่อนคล้อยและไขมันส่วนเกินสะสม เบียดหาตาให้ตกลง
- ตาดูเศร้า ไม่สดใส ดูมีอายุ
- หางตาหย่อนคล้อยจะดึงรั้งให้ชั้นตาตกลงไปด้วย โดยทำให้ชั้นตาหลบใน ดูเล็ก และไม่ได้สัดส่วนกับใบหน้า
- มีอาการมองเห็นไม่ชัดร่วมด้วย มักเกิดในผู้ที่มี่หางตาหย่อนคล้อยมาก หนังตาบริเวณหางตาตกลงมาปิดทับดวงตาบางส่วน ทำให้การมองเห็นด้านข้างลดลง
ข้อควรระวังในการศัลยกรรมหนังตาตก
ศัลยกรรมหนังตาตกเป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขหนังตาที่หย่อนคล้อย ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง โดยแพทย์จะทำการกรีดแผลบริเวณเปลือกตาและตัดหนังตาส่วนเกินออก จากนั้นแพทย์จะเย็บแผลปิด การผ่าตัด หนังตาตกเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยข้อควรระวังในการศัลยกรรมหนังตาตก มีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด
- หยุดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ออกกำลังกาย และสัมผัสกับแสงแดดจัดหลังการผ่าตัด
- หลังผ่าตัดควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูแผลตามนัด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการแทรกซ้อน
ตาตก ปากเบี้ยวอันตรายมั้ย
โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ( Bell’s Palsy ) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ โดยมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทบนใบหน้าคู่ที่ 7 ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อเกิดความผิดปกติ ทำให้ใบหน้าซีกนึงไม่สามารถขยับได้ มีอาการ หนังตาและมุมปากตก ปากเบี้ยว หลับตาได้ไม่สนิท หรือมีสาเหตุมาจากการได้รับเชื้อไวรัส เช่น เริม, งูสวัด ที่แฝงอยู่ในปมประสาท หากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลงจะทำให้เกิดโรคนี้ได้
หากมีอาการตาตก ปากเบี้ยว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง การรักษาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยโรคนี้สามารถหายได้ ภายในระยะเวลา 1-2 เดือน แต่ผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้วมีโอกาสกลับมาเป็นอีก โดยอาจเกิดขึ้นที่ซีกเดิม หรือใบหน้าอีกซีกก็เป็นได้
ผู้ที่เสี่ยงเป็นโรค ตาตก ปากเบี้ยว
โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ที่เคยติดเชื้อทางไวรัสในระบบทางเดินหายใจมาก่อน
- ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง
- หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะระยะสามเดือนสุดท้าย และหลังคลอดบุตร
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
- คนที่มีภาวะเครียด
- คนที่เคยได้รับอุบัติเหตุ
การทดสอบอาการ หน้าเบี้ยว ด้วยตนเอง
- หลับตาทั้ง 2 ข้างได้สนิทเท่ากัน มองไม่เห็นตาขาว
- ยักคิ้ว 2 ข้างรอยย่นหน้าผากเท่ากัน
- ยิ้มมุมปากเสมอกัน
- อมน้ำแล้วไม่หก
- นับ 1 – 10 แล้วสังเกตเสียงที่เปล่งออกมาว่าผิดปกติหรือไม่
แนวทางการรักษาใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
วิธีการรักษาใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก สามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยทำได้ตั้งแต่การใช้ยาและการกายภาพบำบัด เพื่อฝึกกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าที่อ่อนแรงให้มีการทำงาน เพื่อให้เส้นประสาทได้มีการฟื้นตัว โดยการกายภาพบำบัดสามารถทำได้ ดังนี้
การรักษาด้วยยา
- ยากลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการอักเสบของเส้นประสาท โดยจะต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ควรเริ่มใช้หลังจากการเกิดอาการภายใน 72 ชั่วโมง และอาจมีการปรับยาตามที่แพทย์แนะนำ
- ยาฆ่าเชื้อไวรัส จะใช้กับผู้ป่วยที่อาการจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมและงูสวัด
- ยาป้ายตา ยาหยอดตาและควรใช้ผ้าปิตตาสนิทขณะนอนหลับ เพื่อป้องกันการเกิดเยื่อบุตาอักเสบเนื่องจากอาการกระพริบตาที่ลดลง
การทำกายภาพ
- การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า และการนวดใบหน้า โดยการใช้นิ้วนวดคลึงใบหน้าเบาๆ ตามแนวกล้ามเนื้อของแต่ละมัด เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ยังอ่อนแรง เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดอาการตึงของกล้ามเนื้อใบหน้า
- การประคบร้อนบริเวณใบหน้าซีกที่มีอาการ ใช้เวลาประคบประมาณ 15 – 20 นาทีต่อครั้ง วันละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด และลดอาการตึงต่อของกล้ามเนื้อใบหน้า ควรระวังในการประคบร้อนในผู้มีอาการชาของใบหน้า
- กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าที่มีอาการอ่อนแรงด้วยไฟฟ้า เพื่อเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อมีการหดคลายตัวเป็นการช่วยชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ มักใช้กับผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาตาตก จึงมีแนวทางการรักษาที่หลากหลายกันออกไปสามารถเลือกได้ตามความต้องการของคนไข้ได้เลย แต่ถ้าต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศัลยกรรมตาสามารถติดต่อได้ที่นี่ Eyesurgery Center