ศัลยกรรมแก้หนังตาตก (Blepharoplasty)
วันที่อัพเดตล่าสุด: 24 September 2024
การทำศัลยกรรมเพื่อ แก้หนังตาตก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาชั้นตาตก ชั้นตาเล็กลงที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังเกินและตกลงมาบังตา ทำให้อาจไม่สามารถใช้วิธีการแก้ไขด้วยเทคนิคแผลเล็ก เนื่องจากจำเป็นต้องตัดเอาหนังตาและกำจัดไขมันออก ฉะนั้นสามารถแก้ไขให้สวยงามดูโตขึ้นด้วยการทำตาแบบสองชั้น ด้วยเทคนิคการกรีดเพื่อกำหนดชั้นตาสำหรับผู้มีปัญหาหนังตาที่ตกได้ดี
ศัลยกรรมตาตกเปลี่ยนดวงตาที่ดูมีอายุ & เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อภายในเปลือกตา
การทำศัลยกรรมตาตกด้วยการผ่าตัดเปลือกตาบนจะเป็นการแก้ปัญหาหนังตาตกมาบดบัง หนังตาที่เหี่ยวย่น และเป็นการดึงกระชับกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยภายในเปลือกตาให้เต่งตึงขึ้น จึงทำให้เส้นตาสองชั้นมีความเป็นธรรมชาติมาก และยังทำให้ลืมตาได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แก้ไขอาการขนตาม้วนทิ่มลูกตา
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด แก้หนังตาตก
- สำหรับท่านที่ทานอาหารเสริมและวิตามิน ควรงดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
- ก่อนผ่าตัด ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับผ่าตัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวหรือเคยมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งทางแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ โดยไม่ต้องงดน้ำก่อนเข้าผ่าตัด ซึ่งการเตรียมพร้อมของร่างกายให้แข็งแรงจะช่วยให้การพักฟื้นหลังผ่าตัดทำได้เร็วขึ้น
- ทำความสะอาดใบหน้าและสระผมให้เรียบร้อย ก่อนเข้ารับทำการผ่าตัด
- เตรียมแว่นกันแดด เพื่อสวมใส่หลังผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย
- ควรเตรียมลางานล่วงหน้า สำหรับท่านที่ติดภารกิจ เพราะหลังผ่าตัดจะต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอย่าง 1-2 วัน เพื่อวางแผนวันหยุดและวันผ่าตัดให้สอดคล้องกัน
การดูแลหลังผ่าตัด แกหนังตาตก
- ควรประคบเจลที่มีความเย็นหลังผ่าตัด ในช่วงระยะเวลา 1-2 วันแรก โดยระมัดระวังไม่ให้แผลสัมผัสกับความชื้น แต่ถ้าหากมีเลือดซึมบริเวณแผล สามารถใช้ผ้าก๊อซเช็ดและกดบริเวณที่แผล จนกว่าเลือดจะหยุดซึม
- ในขณะที่นอนหลับพักผ่อน ควรนอนให้ศีรษะมีระดับที่สูงกว่าปกติ เพื่อลดภาวะอาการบวมในช่วง 1-2 วันแรก หลังผ่าตัด
- ควรป้ายยาฆ่าเชื้อในลักษณะขี้ผึ้งที่บริเวณแผลอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเวลาเช้า-เย็น และปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์
- หากในวันที่สาม หากเกิดอาการบวมช้ำ มีรอยเขียว แนะนำให้ประคบด้วยน้ำอุ่นที่ไม่ร้อนจนเกินไป สลับกับประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมและวิตามินในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์
- หากต้องทำกิจวัตรประจำวันหรือออกไปข้างนอก แนะนำให้ใส่แว่นกันแดดทุกครั้ง เพื่อป้องกันแสงแดดและฝุ่น รวมถึงสิ่งสกปรกขนาดเล็ก
- มาตามนัดเพื่อทำการตัดไหมในระยะเวลา 5-7 วัน
ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างผ่าตัด แก้หนังตาตก !
การแก้หนังตาตก แพทย์จะฉีดยาชาบริเวณหนังตาด้านบน ซึ่งจะไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างผ่าตัด จากนั้นศัลยแพทย์จะแบ่งชั้นเปลือกตาตามตำแหน่งที่วัดไว้ หรือตามความต้องการ และความเหมาะสมกับผนังเปลือกตา หากมีไขมันส่วนเกินที่บริเวณเปลือกตาก็จะตัดไขมันส่วนเกิน และผิวหนังเปลือกตาที่บริเวณนั้นออกบางส่วน
ถ้าหากต้องการชั้นตาหนาใหญ่ก็สามารถแจ้งความต้องการกับแพทย์ จากนั้นจะทำการเย็บกล้ามเนื้อที่ยกเปลือกตา (Levator Muscle) แล้วดึงผิวหนังตาให้พับตัวขึ้นกลายเป็น 2 ชั้นตามที่ต้องการ แพทย์ทำการเย็บในบริเวณที่กรีดด้วยไหมเส้นเล็กมาก เพื่อให้เห็นรอยเย็บน้อยที่สุด ส่วนรอยกรีดหลังการผ่าตัดตา 2 ชั้น นั้นจะซ่อนอยู่ในชั้นตาที่สร้างขึ้นใหม่ จึงทำให้ไม่เห็นรอยแผลใด ๆ เวลาลืมตาตามปกติ
เดี๋ยวก่อนค่ะ! การแก้ตาตกไม่ได้มีแต่การทำตาเท่านั้น ?
นอกจากการทำตาเพื่อแก้ตาตกแล้ว ยังมีอีกวิธีของการศัลยกรรมตาที่ได้รับความนิยมมาก ๆ นั่นคือ การผ่าตัด “ยกคิ้ว” ที่ช่วยให้ดวงตาดูสดใสโดยไม่มีรอยแผลบนใบหน้า และนอกจากจะแก้ไขเรื่องหนังตาที่ตกได้แล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาอื่น ๆ บนใบหน้าได้อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นการผ่าตัดที่สามารถลดอายุได้ 5-10 ปีเลยทีเดียว
ปัญหาหนังตาตกทำให้ดูแก่แก้ยังไงดี
“หนังตาตก” หนึ่งในปัญหาสุดกวนใจของใครหลายคน ที่ส่งผลทำให้หน้าดูแก่กว่าวัยอันควร โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอายุมาก ๆ ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าคนไข้ท่านใดที่กำลังวิตกกังวล จนพยายามมองหาวิธีการแก้ปัญหาหนังตาตก ให้กลับมาดูสดใส และตามทันยุคสมัย สามารถอ่านต่อเพื่อค้นหาข้อมูล และคำแนะนำที่มีประสิทธิภาพที่สุดในบทความนี้ได้เลยครับ!
อาการหนังตาตกคืออะไร?
หนังตาตก (ptosis) คือ ภาวะที่ผิวหนังบริเวณเปลือกตาบนตกลงมาบดบังทัศนียภาพของคนไข้ จนทำให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นค่อย ๆ เสื่อมไปตามกาลเวลา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา หรือผิวหนังรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย นอกจากใบหน้าจะดูอ่อนล้า ซูบโทรม ยังส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจของคนไข้ได้อีกด้วยครับ
ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาหนังตาตกนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี ทางที่ดีผมขอแนะนำให้คนไข้ เข้ารับคำปรึกษากับจักษุแพทย์ผู้มีประสบการณ์จะดีกว่า เนื่องจากสามารถประเมินโครงสร้างโดยรวม และเทคนิคการผ่าตัดสำหรับแก้ไขหนังตาตกได้อย่างละเอียด แม่นยำ อีกทั้งยังป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ
อย่างที่คนไข้ทราบกันดีว่าปัญหาหนังตาตกนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่พันธุกรรมไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้อย่างถ่องแท้ กว่าคนไข้จะไปถึงขั้นตอนการแก้ไข ความคิดอาจจะแย่ซะก่อน เพื่อคลายความกังวลต่าง ๆ แนะนำให้อ่านหาสาเหตุที่มาของภาวะหนังตาตกได้ในหัวข้อถัดไปเลยครับ
หนังตาตกเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
หนังตาตกเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาการบาดเจ็บ, โรคที่เกี่ยวกับดวงตา, พฤติกรรมการใช้ชีวิต และปัจจัยที่สำคัญอย่างอายุ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดปัญหาหนังตาตก ผมจึงได้รวบรวมสาเหตุที่มีความเป็นไปได้ดังนี้
ปัญหาหนังตาอูมตั้งแต่กำเนิด
ภาวะหนังตาอูมเป็นหนึ่งในปัญหาที่สามารถพบได้จากพันธุกรรม โดยจะมีลักษณะเปลือกตาหนา มีไขมันสะสมในหนังตาเยอะ ทำให้ดูเหมือนคนอดหลับอดนอน ดวงตาไม่สดใส หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจส่งผลทำให้ขนตาทิ่มจนรู้สึกระคายเคืองตา น้ำตาไหลตลอดเวลา หรือติดเชื้อที่ดวงตาได้
ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นอีกหนึ่งในปัญหาที่พบได้ตั้งแต่แรกเกิดเช่นกัน ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ลืมตาไม่ค่อยได้ หรืออาจดูเหมือนตาปรือตลอดเวลา เป็นผลมาจากเส้นประสาททำงานผิดปกติจนกล้ามหนังตาไม่สามารถออกแรงได้เต็มที่ครับ หากปล่อยอาการนี้ทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้คนไข้สูญเสียความมั่นใจจากตาดูไม่เท่ากัน
ปัญหาหนังตาตกจากอายุ
อายุถือว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาหนังตาตก ซึ่งเกิดจากผิวหนังขาดความยืดหยุ่น ผิวหนังหย่อนคล้อย และมีนิ้วรอยจำนวนมากบริเวณรอบดวงตา หากปล่อยเอาไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้คนไข้ถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น ได้ง่าย ๆ เลยครับ
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมก็เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหาหนังตาตกได้นะครับ ด้วยความสะดวกในการแก้ปัญหาสายตาพร่ามัว หรือมองเห็นไม่ชัด คนไข้ส่วนใหญ่จึงหันไปใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อให้ภาพคมชัด รวมถึงการติดสติกเกอร์ตาสองชั้นเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ง่าย นี้ขนาดยังไม่ได้พูดถึงพฤติกรรมการชอบจ้องมองหน้าจอคอม หรือโทรศัพท์ และขยี้ตาบ่อย ๆ ก็ทำให้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าปัญหาหนังตาตกนั้นเกิดได้จากพฤติกรรมของแต่ละบุคคลเช่นกันครับ
ใครบ้างที่เหมาะแก้ปัญหาหนังตาตก
ภาวะหนังตาตกนั้นไม่ได้เพียงมีผลกระทบกับแค่การมองนะครับ แต่ยังสามารถส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และความมั่นใจได้อีกด้วย ยิ่งคนไข้ที่เริ่มมีอายุ ก็ควรควรตรวจสอบลักษณะดวงตาของตนเองเผื่อไว้ก็ดี หากมีลักษณะตามในบทความนี้ จะได้หาแนวทางการรักษาได้อย่างถูกวิธี เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ดวงตากลับมาดูสดใส เพิ่มความมั่นใจไม่ให้สะดุด หรือติดขัดจากการมองนั่นเองครับ
- คนไข้ที่ชั้นเปลือกตาค่อย ๆ หายไปจากปัญหาหนังตาตก จะเหมาะสำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมตาสองชั้น เพื่อแก้ปัญหาเปลือกตาให้กลับมาคงเดิม
- คนไข้ที่มีปัญหาตาสองข้างไม่เท่ากัน จากภาวะหนังตาตก สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมครับ
- คนไข้ที่ใช้สายตามากเกินความจำเป็นจนเป็นภาวะหนังตาตก สามารถผ่าตัดศัลยกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาได้ครับ
- คนไข้ที่มีดวงตาไม่สดใส หรือตาดูปรือตลอดเวลาจากภาวะหนังตาตก จะสามารถเข้ารับการผ่าตัดกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแก้ปัญหาหนังตาตกได้ครับ
- คนไข้ที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุจนส่งผลทำให้หนังตาตก แนะนำให้ปรึกษากับจักษุแพทย์ เพื่อหาแนวทางในการรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ครับ
- คนไข้ที่ตาไม่เท่ากันจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือหนังตาตกไม่เท่ากัน จะเหมาะกับการแก้ปัญหาด้วยการผ่าตัด
นอกจากนี้ก็ยังมีสาเหตุอีกมากมาย ที่ทำให้คนไข้ต้องอยู่ในภาวะหนังตาตก ทางที่ดีผมอยากให้คนไข้เข้ามารับคำปรึกษาจากจักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อประเมินสุขภาพดวงตาก่อนทำการรักษาด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมแก้ปัญหาหนังตาตกได้อย่างเหมาะสม
หนังตาตกข้างเดียวสามารถแก้ได้ไหม
หนังตาตกข้างเดียวเป็นผมมาจากสภาวะบริเวณหนังตาล้มลงข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้รบกวนสมาธิจากกิจกรรม และมีผลกระทบโดยตรงต่อการมองเห็นรูปร่างใบหน้าบุคคลอื่นได้ ดังนั้นในบทความนี้ผมจึงขอพูดถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ของหนังตาตกข้างเดียว และวิธีการแก้ไขที่เป็นไปได้
โดยปกติแล้วปัจจัยที่ทำให้หนังตาตกข้างเดียวจะมีสาเหตุหลัก ๆ อยู่ 3 อย่างได้แก่… อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเฉียบพลัน, การเกิดอุบัติเหตุบริเวณดวงตา, และพันธุกรรมของคนไข้แต่ละคน ล้วนส่งผลได้ทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละปัญหาสามารถสร้างความวิตกกังวลให้คนไข้ได้ไม่น้อย แต่ไม่ต้องเครียด หรือคิดมากจนเกินไปนะครับ เพราะถึงอย่างไรก็ยังมีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างตรงจุด โดยมีทั้งทางการแพทย์ และรักษาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองดังนี้
การรักษาทางการแพทย์ : แน่นอนว่าการผ่าตัดศัลยกรรมถือเป็นการแก้ปัญหาหนังตาตกข้างเดียวได้เป็นอย่างดี แถมมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้แบบถาวร ซึ่งในการเรื่องของแนวทางการรักษา หรือจะใช้เทคนิคใด ก็ต้องขึ้นอยู่กับอาการคนไข้แต่ละบุคคล
การใช้แฟชั่นเข้าช่วย : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยใหม่นั้น มีทั้งอุกรณ์ และเครื่องมือที่แก้อาการหนังตาตกได้ แต่จะช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราว อย่าง การใช้สติกเกอร์ติดตาสองชั้น หรือการใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการมองให้กับคนไข้นั่นเองครับ
การเมคอัพ : ต้องยอมรับเลยว่าเมคอัพในปัจจุบัน สามารถปกปิดได้แทบทุกสภาพพื้นผิวไม่ว่าจะหนุ่มสาว เด็ก หรือผู้สูงอายุ ก็สามารถสร้างสรรค์ให้ใบหน้าออกมาสวย คมได้ตามต้องการ ยิ่งคนที่มีปัญหาหนังตาตกข้างเดียวไม่ต้องพูดถึง ปกปิดได้อย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่เป็นเครื่องสำอาง ก็อาจมีสารตกจนทำให้มีอาการระคายเคือง จนส่งผลเสียให้กับดวงตายิ่งกว่าเดิม แนะนำให้แต่งเฉพาะออกงาน หรือมีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ไม่ควรแต่งตลอดเวลานะครับ
ภาวะหนังตาตกส่งผลเสียอย่างไร?
รู้หรือไม่ว่าภาวะหนังตาตก สามารถส่งผลเสียได้มากกว่าที่คุณคิด หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็จะยิ่งสะสมผลกระทบต่าง ๆ เป็นเท่าตัว โดยปัญหาจากภาวะหนังตาตกที่พบเจอส่วนมากมีดังนี้
- บดบังทัศนียภาพ/การมองเห็น
การมองเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่มีความสำคัญมาก ๆ สำหรับการดำเนินชีวิต เพราะนอกจากจะช่วยให้รับรู้ถึงภัยอันตรายตั้งแต่ระยะใกล้ไปจนระยะไกลแล้ว ยังสามารถช่วยจดจำสิ่งที่เคยผ่านมาได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อดวงตาถูกบดบังลงจากภาวะหนังตาตก ก็อาจส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือใช้ชีวิตได้ยากลำบากกว่าเดิมครับ
- ขนทิ่มดวงตา
ภาวะหนังตาตกนั้น อาจส่งผลกระทบได้หลากหลายรูปแบบก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องมาพร้อมกับปัญหาหนังตาตกก็คือ การถูกขนตาทิ่มดวงตา ซึ่งก่อให้เกิดความหงุดหงิด ระคายเคือง คันรอบดวงตา หรือกระจกตาติดเชื้อ ยิ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็มีโอกาสลุกลามร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้เลย
- เกินริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
นี่คือผลเสียที่ตามมาจากภาวะหนังตาตกอย่างแน่นอน โดยปกติการใช้สายตาทั่วไปจะไม่ต้องเพ่งเล็งเป็นเวลานาน ๆ แต่เมื่อหนังตาตกจึงอาจทำให้ใช้สายตามากกว่าเดิม หรือพยายามขมวดคิ้ว เพื่อมองภาพตรงหน้า ซึ่งหากทำบ่อย ๆ รับรองว่าหน้าผากต้องมีริ้วรอยเหี่ยวย่นอย่างแน่นอนครับ
- แก่กว่าวัยอันควร
สิ่งที่ส่งผลเสียแบบเห็นได้ชัดเจนสุด จากภาวะหนังตาตกนั้นคือ ใบหน้าดูมีอายุ หรือแก่กว่าวัยอันควร ซึ่งมีปัจจัยหลัก ๆ จะมาจากสายตาที่ดูเศร้าหมอง ไม่สดใส ดวงตาที่เคยพองโตก็ดูเล็กลง และยังส่งผลทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่ธรรมชาติอีกด้วยครับ
แก้ปัญหาหนังตาตกช่วยเรื่องอะไร
ภาวะหนังตาตกเป็นปัญหาที่พบได้ตั้งแต่อายุน้อยไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ก็มีแต่จะส่งผลเสียต่อตัวคนไข้เอง จะดีกว่าไหมถ้าได้รับการแก้ไขอาการหนังตาตกได้อย่างถูกต้องจนหายดี เพราะนอกจากจะช่วยเสริมทางด้านกายภาพแล้ว ยังเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี โดยการแก้ปัญหาหนังตาตกจะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบไหนไปดูได้พร้อมกันเลยครับ
- ช่วยเสริมให้ดวงตาดูชัดคมโต
- ช่วยเพิ่มความคมชัดในการมองเห็น และลดโอกาสเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากปัญหาหนังตาตกลงมาบดบัง
- ช่วยทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของคนไข้มีขนาดที่เท่ากัน ตากภาวะหนังตาตกเพียงข้างใดข้างหนึ่งได้
- ช่วยปรับบุคลิกภาพ และสร้างความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างถาวร
- ช่วยทำให้สายตาคนไข้ดูอ่อนโยน สดใส ใบหน้าดูอ่อนเยาว์น่าคบหา จากการแก้ปัญหาหนังตาตกครับ
- ช่วยส่งเสริมด้านการงานได้ จากการแก้ปัญหาหนังตาตก เนื่องจากแววตาเพิ่มที่มีความน่าเชื่อถือขณะเจราจา หรือต่อรองในธุรกิจ
หนังตาตกรักษาด้วย(การผ่าตัด)วิธีไหนได้บ้าง
การรักษาภาวะหนังตาตกของคนไข้นั้น อาจต้องอาศัยจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญในการวิเคราะห์โครงสร้างที่ละเอียด แม่นยำ เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่เปราะบางอย่างมาก หากรักษา หรือประเมินผิดพลาดอาจทำให้ตาบอดได้เลย ซึ่งในหัวข้อนี้ผมจะขอพูดถึงการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมในการรักษาอาการหนังตาตกได้แบบถาวรว่ามีอะไรบ้างไปดูกันครับ
ผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตา
คนไข้ที่แพทย์ได้วิเคราะห์มาแล้วว่า มีปัญหาหนังตาตกจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ส่งผลทำให้บริเวณขอบตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน อาจจะเหมาะกับการผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตา โดยเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากกับอาการ เพราะไม่ต้องใช้การกรีดเปิดแผล แต่ศัลยแพทย์จะใช้เทคนิคจิ้มเป็นจุดบนชั้นเปลือกตา แล้วใช้ไหมในการเย็บกล้ามเนื้อตาให้ติดกัน เพื่อแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ช่วยให้ดวงตาดูกลมโต สามารถเริ่มตาได้ตามปกติ
ผ่าตัดเอนโดไทน์
ผ่าตัดเอนโดไทน์ (Endotine) เป็นเทคนิคกระชับบริเวณหนังตา ด้วยอุปกรณ์พิเศษ ซึ่งจักษุแพทย์จะใส่เอนโดไทน์เข้าไปยึดกับผิวหนัง เพื่อทำการดึงกระชับ จะสามารถแก้ไขปัญหาหนังตาตก หนังตาหย่อนคล้อยได้ อีกทั้งยังเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูงกว่าแบบเดิม เนื่องจากเอนโดไทน์ที่นำมาใช้นั้นจะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงทำให้ไม่มีสารตกค้างลงเหลือให้เป็นอันตรายต่อดวงตา รวมถึงทำให้ไม่มีแผลเป็นการผ่าตัดได้อีกด้วย แต่เทคนิคจะอยู่แบบกึ่งถาวร หรือประมาณ 5 – 10 ปี ต่อการผ่าตัดครับ
ผ่าตัดทำตาสองชั้น
ภาวะหนังตาตก ที่ส่งผลทำให้เปลือกตาหย่อน หรือชั้นตาหายไป อาจต้องแก้ด้วยการผ่าตัดตาสองชั้น เพื่อแก้ปัญหาหนังตาให้กลับมามีขนาดเท่ากัน อีกทั้งยังเป็นการยกกระชับให้ดวงตา ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเทคนิคการผ่าตัดตาสองชั้นนั้นมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้อย่างถาวร แต่ต้องอาศัยจักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาเท่านั้นนะครับ เพราะมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง หากผิดพลาดสามารถทำให้ตาปิดสนิทได้เช่นกันครับ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดแก้หนังตาตก
การเตรียมตัวก่อนเข้าห้องผ่าตัดมีสิ่งสำคัญหลายอย่าง ที่คนไข้ส่วนใหญ่มักมองข้ามเสมอ เพราะหากร่างกายไม่มีความพร้อมต่อให้ถึงวันผ่าตัดก็ไม่ได้หมายความจะรักษาปัญหาดังกล่าวได้นะครับ ทางที่ดีคือควรรับฟังคำแนะนำจากจักษุแพทย์ให้ชัดเจน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การผ่าตัดผ่านไปได้อย่างราบรื่น โดยข้อปฏิบัติหลักที่ควรจำได้แก่….
- แนะนำให้งดอาหารเสริม ประเภทวิตามิน เอ, อี ,ซี น้ำมันตับปลา หรือสมุนไพรทุกชนิดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะสามารถกระตุ้นปฏิกิริยาทางเคมีกับร่างกายขณะผ่าตัดได้ครับ
- แนะนำให้แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ รวมถึงยารักษาโรคที่ทานอยู่เป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในห้องผ่าตัดครับ
- แนะนำให้พักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ และไม่จำเป็นต้องงดน้ำ หรืออาหารถ้าแพทย์ไม่ได้สั่ง กรณีที่ให้งดน้ำอาหารก่อนผ่าตัด เพราะจะมีขั้นตอนการวางยาสลบ อาจทำให้คนไข้สำลักอาหารได้นั่นเองครับ
- สามารถเตรียมแว่นกันแดดมาส่วมใส่ได้หลังจากผ่าตัด เพื่อป้องกันเศษฝุ่นละออง เข้าสู้บริเวรแผลผ่าตัดได้ครับ
- แนะนำให้พาญาติ หรือคนสนิทมาด้วยในวันนัดผ่าตัด เนื่องจากทางสถานพยาบาลจะไม่อนุญาตให้คนไข้ขับรถกลับเอง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ขณะขับขี่ครับ
- แนะนำให้ลาหยุดงานอย่าง 2 – 3 วันเนื่องจากการผ่าตัดแก้ปัญหาหนังตาตก จำเป็นต้องมีการพักฟื้นสักระยะ เพื่อให้แผลสมานกันเป็นอย่างดีก่อนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ
หลังผ่าตัดแก้ปัญหาหนังตาตกดูแลยังไงดี
หลังจากผ่าตัดแก้ปัญหาหนังตามาอย่างปลอดภัย ขั้นต่อไปก็ต้องเข้าสู่กระบวนการดูแลตัวเองแล้วนะครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไข้หลายคนต้องกลับมาแก้ตาใหม่ เพราะดูแลผิดถูกวิธี โดยปกติแพทย์จะทำการแนะนำอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดออกมาเป็นที่พึงพอใจของคนไข้ แต่ถึงอย่างไรขั้นตอนนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงมีข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่ควรทำตามดังนี้
- แนะนำให้ประคบด้วยผ้าเย็น หรือเจลเย็นบริเวณรอบแผลผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด เพราะสามารถช่วยลดอาการบวมช้ำได้ดีครับ
- ควรนอนให้ศีรษะอยู่สูงกว่าปกติ โดยอาจใช้หมอนหนุน 2 ใบ, หมอนรองคอ และเลี่ยงการนอนตะแคง หรือนอนคว่ำประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อลดอาการบวมบริเวณเปลือกตา
- งดรับประทานอาหารทะเล หรือของหมักดองทุกชนิด อย่างน้อย 3 สัปดาห์ เพราะมีโอกาสที่แผลจะหายได้ช้ากว่าเดิมครับ
- แนะนำให้พักสายตาบ่อย ๆ ไม่ควรจ้อง หรือเพ่งหน้าจอคอม หน้าจอโทรศัพท์ เพราะหากใช้สายตามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง จนน้ำตาไหลเป็นผลที่ทำให้เกิดการอับชื้นจนแผลผ่าตัดติดเชื้อได้ครับ
- พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะตัดไหม เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อได้ง่ายขึ้นครับ
- ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งจนกว่าจะหมด เพื่อให้แผลหายได้ไวขึ้น
- หลีกเลี่ยงการจับ แตะ แคะ แกะ เกา บริเวณแผลผ่าตัด เพราะอาจทำให้แผลฉีดขาดแล้วเลือดไหลไม่หยุด
- งดการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้แผลบริเวณผ่าตัดได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง
- หากมีความจำเป็นต้องออกไปพื้นที่ข้างนอก แนะนำให้ส่วมใส่แว่นตากันแดดตลอดเวลา เพื่อลดการใช้สายตาเกินความจำเป็น รวมถึงป้องกันเศษฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่แผลผ่าตัด