เสริมจมูกซิลิโคนเหมาะกับจมูกแบบไหน ใช้ซิลิโคนอะไร ทำออกมาแล้วมีรูปทรงยังไงนะ
วันที่อัพเดตล่าสุด: 30 August 2024
เสริมจมูกด้วยซิลิโคน (Nose Surgery)
การเสริมจมูกเป็นที่นิยมในกลุ่มคนเอเชียที่มักไม่มีสันจมูกที่โด่งแบบคนยุโรป จึงสามารถทำให้จมูก เป็นสันได้โดยแท่งซิลิโคน ซึ่งการทำควรจะทำให้สมดุลกับใบหน้าและรูปทรงก็ยังควรให้ดูเป็นธรรมชาติแล้วเข้ากับใบหน้าโดยรวม
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเสริมจมูกในการใช้ซิลิโคน
การเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดแบบธรรมดา (Close Rhinoplasty) โดยแพทย์จะใช้วัสดุสังเคราะห์ในการทำจมูก เช่น ซิลิโคนจมูก ซึ่งจะผ่าตัดสอดเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัดเล็ก ๆ ภายในช่องจมูก เป็นเทคนิคที่ทำได้ง่ายและสะดวก ใช้เวลาผ่าตัดไม่นานเหมาะกับกรณีที่คนไข้มีรูปทรงจมูกของเดิมที่ดีอยู่แล้วระดับหนึ่ง เช่น ฐานจมูกไม่ใหญ่จนเกินไป สันจมูกไม่แบบเรียบมากเกินไป รูปทรง จมูกไม่เบี้ยวและยาวหรือสั้นเกินไปเนื่องจากหากจมูกมีความยาวที่เหมาะสมก็สามารถเสริมได้ด้วยซิลิโคน แต่มีข้อจำกัดคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีจมูกสั้น (Short Nose)
ข้อดี
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อนมาก เวลาผ่าตัดไม่นาน
- คนไข้ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ เนื่องจากใช้วิธีการฉีดยาชาเฉพาะที่ เนื่องจากเป็นการเปิดแผลในรูจมูกเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีจมูกสั้นมากเกินไป
- ไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด
วัสดุที่ใช้เสริมจมูก
ซิลิโคนที่ใช้เป็นซิลิโคนที่ผลิตเพื่อใช้ในการแพทย์ (Medical Grade Silicone) ซึ่งซิลิโคนที่เสริมนั้นจะมีความแตกต่างกันตามประเทศที่ผลิต โดยศัลยแพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับรูปทรงจมูกและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิธีการผ่าตัดเสริมซิลิโคนจมูก
การทำจมูกด้วยวัสดุซิลิโคน คือ การใช้วัสดุสังเคราะห์ (ซิลิโคน) ในการผ่าตัดจะสอดเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัดเล็ก ๆ ภายในช่องจมูก โดยแพทย์จะวางซิลิโคนตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก เป็นเทคนิคที่ทำได้ง่ายและสะดวกใช้เวลาผ่าตัดไม่นานและพักฟื้นน้อยมาก โดยแพทย์จะดีไซน์รูปทรงให้ออกมาเหมาะสมเข้ากับโครงสร้างของใบหน้าแต่ละคน
ข้อดีของการเสริมจมูกที่มาสเตอร์พีช
- สวยงามเป็นธรรมชาติเหมาะกับสัดส่วนของใบหน้า
- ฟื้นตัวเร็วพักฟื้นน้อยมาก แทบไม่บวมช้ำหลังผ่าตัด
- แพทย์มีประสบการณ์ ผ่าตัดมาแล้วกว่า 10,000 เคส
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เช่น Voltaren, Brufen หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
- งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- ก่อนการผ่าตัดคนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์
การดูแลหลังผ่าตัด
- ประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประมาณ 7 วัน แรก รอบบริเวณที่ติดเทปจมูก (ห้ามโดนส่วนที่ติดเทปเด็ดขาด)
- หลังทำ 24 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดบริเวณจมูก บวมบริเวณใบหน้าบ้าง ให้รับประทานยาแก้ปวด และต้องรับประทานยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งให้หมด
- จมูกอาจจะบวมมากที่สุดประมาณ 2 – 3 วัน สามารถแกะพลาสเตอร์ที่ปิดแผลไว้ออกได้ แกะออกได้ตอนครบ 7 วัน โดยให้ใช้น้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ดและลอกออกอย่างเบามือ
- หลังวันที่ 7 หลังจากแกะพลาสเตอร์แล้ว ให้ประคบอุ่นบริเวณที่บวมช้ำ
- หลังจากทำ 3 วัน – 1 สัปดาห์ สามารถไปทำงานได้แต่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่ออกกำลังมาก เช่น การวิ่ง , การว่ายน้ำ , การมีเพศสัมพันธ์ ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก , การขยี้จมูก , ก้มหน้านาน ๆ , ยกของหนัก
- โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะยุบบวมประมาณ 60% ใน 1 อาทิตย์ , ยุบ 80% ใน 1 เดือน , ยุบบวมและเข้าที่ 90% – 100% ในอีก 3 – 6 เดือน
ทำจมูกที่ไหนดี เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากทำแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำที่ไหนดี แบบไหนถึงจะโดน แล้วทำที่ไหนถึงจะออกมาสวยเหมาะกับตัวเรา วันนี้มาไขคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ทำจมูกที่ไหนดี
การศัลยกรรมจมูกที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะต้องมีประสบการณ์ในการ ผ่าตัดได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด ด้านอุปกรณ์จะต้องทันสมัย ครอบคลุมและปลอดภัย ที่สำคัญคือซิลิโคนที่ใช้จะต้องได้มาตรฐานสากล จะทำออกมาปังหรือโป๊ะ ความใส่ใจของแพทย์ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือต้องทำออกมาแล้วเหมาะกับใบหน้าของเราที่สุด มีเทคนิคให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ เช่น ซิลิโคนเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม ซิลิโคนอเมริกา เสริมซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหู เติมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังหู ตัดและเย็บปีกจมูก เหลากระดูกฮัมพ์ และ การปรับโครงสร้างจมูก Nose Reconstruction ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะกับการ เสริมดั้ง ของแต่ละคน
Masterpiece Hospital ขอเป็นคำตอบที่ “ใช่” สำหรับคุณ
ตอนทำเจ็บไหม? ในระหว่างการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะใช้ยานอนหลับ หรือ การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ และหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้วคนไข้จะมีความรู้สึกตึงบริเวณจมูกและบริเวณใต้ตา คนไข้ส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
เสริมจมูกซิลิโคนให้ปัง! มีอะไรมากกว่าที่คิด
ทำจมูกเป็นศัลยกรรมที่คนนึกถึงกันเป็นอันดับต้นๆ เพราะการมีทรงจมูกที่สวยงามรับกับใบหน้าเป็นที่ใฝ่ฝันสำหรับใครหลายคน การศัลยกรรมจมูกจึงได้รับความนิยมและพัฒนาให้มีทางเลือกอย่างหลากหลาย ราคาก็มีตั้งแต่ไม่สูงมากไปจนถึงระดับสูงลิบ วันนี้เราจะพามาเจาะลึกถึงที่มาของการเสริมจมูกซิลิโคนให้สวย ปลอดภัย และรับกับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติว่ามีหลักการอย่างไร ที่สำคัญคือไม่ส่งผลเสียตามมาได้ในภายหลัง
นายแพทย์ ชนกร เตือนอารีย์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมพลาสติก
นพ.ชนกร เตือนอารีย์ (หมอต้น)
แพทย์ศาสตร์บัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เลขวุฒิบัตร 18335/2551 (ศัลยศาสตร์ตกแต่ง)
นายแพทย์ ชนกร เตือนอารีย์ หรือคุณหมอต้น แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมพลาสติก ได้ให้มุมมองและความรู้กับเราจากประสบการณ์ตรงที่สะสมมากว่า 10 ปี เกี่ยวกับการเสริมจมูกแบบซิลิโคนที่ยังคงได้รับความนิยมมาตลอดว่า “การเสริมจมูกซิลิโคน ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะจมูกเป็นตำแหน่งศูนย์กลางของใบหน้า และโดยธรรมชาติของคนเรา ความประทับใจแรกพบคือใบหน้า เราจะเห็นว่าหลายคนเสริมจมูก เพียงอย่างเดียว ใบหน้าโดยรวมดูเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งไม่แปลกที่การเสริมจมูกจะได้รับความนิยมมาตลอด
ทำไมเสริมจมูกซิลิโคนจึงเป็นที่นิยม ?
สัดส่วนจมูกที่ดีและเหมาะสมที่ใช้ออกแบบ
- เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน
- ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ เนื่องจากใช้วิธีฉีดยาชาเฉพาะที่
- ราคาไม่สูง
- สามารถปรับแต่งซิลิโคนให้เข้ากับทรงจมูกและใบหน้าของแต่ละคน
โดยคุณหมอต้นได้เพิ่มเติมในส่วนนี้ว่า “โดยปกติของการศัลยกรรม คุณหมอจะสอบถามความต้องการของคนไข้ก่อนอยู่แล้ว เพื่อนำมาประเมินและวิเคราะห์ให้เหมาะสมและใกล้เคียงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด เพราะโครงสร้างหรือพื้นฐานเดิมแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปลายทางอาจจะได้ผลลัพธ์ที่เหมือนหรือคล้ายกัน แต่วิธีการเดินทางอาจแตกต่างกันไป อีกทั้งงานศัลยกรรมทุกอย่างต้องอาศัยความชำนาญทางด้านศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบผสมผสานกันครับ”
เสริมจมูก ซิลิโคนแล้วพัง! ..อาจมาจากการดีไซน์ที่ไม่ดี
จมูกเอียง จมูกเบี้ยว จมูกคด ปลายจมูกบาง เป็นปัญหาที่เรามักได้ยินได้เห็นจากการเสริมจมูกซิลิโคน ส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเอง คุณหมอต้นให้ความรู้กับทีมงานในประเด็นนี้ว่า “หลักของการศัลยกรรมที่ดี นอกจากคุณหมอจะต้องมีความชำนาญและประณีตแล้ว ยังต้องใส่ใจในประวัติคนไข้ให้มาก รู้จักสังเกตคนไข้ ศึกษาความชอบและไลฟ์สไตล์ของคนไข้ เพื่อนำไปใช้ประกอบการประเมินร่วมกับการออกแบบการศัลยกรรมนั้นๆ เพราะหากคุณหมอประเมินผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไป อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ตรงใจและไม่ถูกใจกับคนไข้ตามมาได้
สัดส่วนจมูกที่ดีและเหมาะสมที่ใช้ออกแบบ
สัดส่วนจมูกที่ดีและเหมาะสมที่ใช้ออกแบบ
สัดส่วนฐานจมูกตามทฤษฎีกำหนดให้รูจมูกเป็นทรงรียาวคล้ายเมล็ดถั่วแดง อัตราส่วนที่ 2/3 ส่วนอีก 1/3 ยกให้เป็นบริเวณที่เนื้อจมูกส่วนปลายควรมี เมื่อมองจากด้านล่างจะเห็นเป็นทรงจมูกสามเหลี่ยมพอดี และเมื่อมองจากด้านหน้า ความกว้างของปีกจมูก จะต้องอยู่ในระยะไม่เกินความกว้างของหัวตาเช่นกัน
เสริมจมูก ซิลิโคนครั้งเดียวจบ มีจริงไหม ?
นอกจากในเรื่องของความสวยงามทางภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น จะพบว่าคนไข้ส่วนใหญ่ต้องการความปลอดภัยและเป็นไปได้คนไข้มักเลือกที่จะใช้วิธีที่เจ็บตัวน้อยที่สุด ไม่ซ้ำซ้อน ทั้งที่นวัตกรรมด้านความงามได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังศัลยกรรมก็ยังไม่เคยหายไปซ้ำยังมีมาให้คุณหมอได้แก้ซ้ำกันอยู่เรื่อยๆ
ปัญหาปลายจมูกแดง หลัง เสริมจมูก
ปัญหาปลายจมูกบาง หลังเสริมจมูก
คุณหมอต้นได้พูดถึงในประเด็น “ปัญหาเสริมจมูก แล้วซิลิโคนทะลุจนต้องมาแก้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่ชำนาญและไม่แม่นยำของแพทย์ตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบไปจนถึงขั้นตอนการผ่าตัด เพราะสิ่งที่คนไข้มักต้องเจอคือการรัดแกนของจมูก ซึ่งแพทย์ต้องใช้เทคนิคและความชำนาญช่วยในการออกแบบให้คนไข้ เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาที่อาจเกิดตามมาให้ได้น้อยที่สุดครับ”
ซิลิโคน ที่ ใช้เสริมจมูก
ซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกในปัจจุบันที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทางการแพทย์แล้ว จะสามารถอยู่ในร่างกายมนุษย์เราไปได้ตลอด โดยที่เราไม่ต้องถอดเปลี่ยนใหม่และไม่เกิดอันตรายใดๆ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเสริมจมูก คนไข้ควรศึกษามาให้ละเอียดเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของคุณหมอ อุปกรณ์ที่ใช้เสริมจมูก รวมถึงสถานที่เสริมความงามนั้นๆ และไม่แนะนำให้ใช้การฉีดด้วยซิลิโคนเหลว เพราะนอกจากจะเป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่สามารถสลายไปจากร่างกายได้แล้ว ยังทำให้เกิดการผิดรูปร่างและอักเสบจากการไหลของซิลิโคน ทำให้จมูกดูบวมใหญ่ หนักเข้าจนกลายเป็นเนื้ออักเสบได้ การผ่าตัดเอาซิลิโคนเหลวออกคนไข้อาจต้องยอมเสียเนื้อเยื่อส่วนที่ดีออก ทำให้คนไข้บางรายต้องใช้ระยะเวลาต้องพักจมูกไปเกือบปี
ภาพแสดงซิลิโคนเหลวที่ถูกเลาะออกมาหลังจากเสริมจมูก
“นอกจากคุณภาพของซิลิโคนแล้ว ประเภทซิลิโคนที่เลือกใช้ก็ควรมีความเหมาะสมกับคนไข้ด้วย ซิลิโคนที่ถูกใช้ในทางการแพทย์ (Medical Grade Silicone) หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับระดับความนิ่มซิลิโคนที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ๆ คือ แบบแข็ง แบบแข็งปานกลาง แบบนิ่ม และแบบนิ่มมาก พร้อมคำโปรยที่ว่าซิลิโคนยิ่งนิ่มยิ่งทำจมูกออกมาดูธรรมชาติ ซึ่งเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะซิลิโคนที่นิ่มมากๆ จะเหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกบางและเนื้อน้อยครับ และอย่าลืมว่าหลังการเสริมจมูกซิลิโคนไปแล้ว คนไข้ทุกคนยังต้องเจอกับปัญหาพังผืดหรือการรัดแกนของซิลิโคน นั่นหมายความว่าซิลิโคนที่ยิ่งนิ่มก็จะยิ่งง่ายต่อการบีบรัดเช่นกัน ดังนั้นก่อนเสริมจมูกต้องประเมินอย่างละเอียดว่าควรใช้ซิลิโคนแบบไหน”
ภาพ พังผืดที่ห่อหุ้มซิลิโคน พังผืดที่ห่อหุ้มซิลิโคน
“ปัญหาจมูกที่เสริมเกิดการบิดเอียง เบี้ยว หรือปลายบาง คนไข้ก็ต้องกลับเข้ามาให้ทำการแก้ไข ย้อนไปย้อนมาส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้ซิลิโคนที่ไม่เหมาะกับเนื้อจมูกของคนไข้และการจัดวางตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องครับ”
เทคนิคการเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับลักษณะจมูก
การพัฒนาลักษณะซิลิโคนให้มีความหลากหลายขึ้น ทั้งระดับความนิ่ม ความแข็ง ไปจนถึงรูปทรงของตัวซิลิโคนที่มีทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบเหลามือเหมือนในปัจจุบัน เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ปลอดภัยและเหมาะกับคนไข้มากที่สุด
- เนื้อจมูกมาก หรือปลายจมูกมีเนื้อหนา คนไข้ที่มีลักษณะจมูกแบบนี้จะง่ายต่อการออกแบบและให้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถดึงปรับความโด่งหรือปลายจมูกให้สูงตามที่ต้องการได้ เหมาะกับการใช้ซิลิโคนนิ่มระดับกลาง ไม่ควรใช้ซิลิโคนที่นิ่มมากจนเกินไป เนื่องจากเนื้อจมูกลักษณะนี้จะมีแรงรัดตึงค่อนข้างมาก หากใช้ซิลิโคนที่นิ่มไปอาจเสี่ยงต่อการบิดเอียงของจมูกได้ในอนาคต
- เนื้อจมูกน้อย หรือปลายจมูกมีเนื้อบาง คนไข้ที่มีลักษณะจมูกแบบนี้จะไม่สามารถดึงเนื้อจมูกได้มากนัก เหมาะกับซิลิโคนระดับนิ่มถึงนิ่มมาก เพื่อรองรับการรัดแกนจมูกที่จะเกิดในอนาคต หากเนื้อซิลิโคนแข็งมากไป อาจทำให้เกิดปัญหาเนื้อจมูกบางจนเห็นตัวเนื้อซิลิโคนด้วยตาเปล่าได้ หรือมองเห็นแท่งซิลิโคนเป็นรูปทรงอย่างชัดเจน
การตกแต่งปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม และเทคนิคการเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู
กรณีคนไข้ที่มีเนื้อจมูกน้อยหรือฐานจมูกเตี้ย การตกแต่งปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม หรือการนำกระดูกอ่อนหลังใบหูมาใช้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้ผู้มีเนื้อจมูกน้อย สามารถเสริมจมูกให้ได้รูป และตกแต่งปลายจมูกให้มีความโด่งพุ่งสวย ปลอดภัย ลดโอกาสการทะลุของซิลิโคนที่ปลายจมูกได้อย่างดี ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามพื้นฐานของจมูกเดิมด้วย โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
เสริมจมูกซิลิโคนให้สวยและปลอดภัย ส่วนหนึ่งมาจาก ‘ทีมแพทย์’
ตัวอย่างการ เสริมจมูก ซิลิโคน
ตัวอย่างการ เสริมจมูก ซิลิโคน
นอกจากประสบการณ์ของคุณหมอแล้ว ความสำเร็จของผลลัพธ์ส่วนหนึ่งยังมาจากทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้วย แม้ว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจะไม่ต้องใช้วิธีวางยาสลบ แต่ต้องผ่าตัดด้วยความระมัดระวัง
โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากความผิดพลาดจากการให้ยาชาและการผ่าตัด เช่น
- แผลหายช้าหรือผลการผ่าตัดไม่เป็นอย่างที่คาด
- ปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ เนื่องจากลักษณะปีกจมูกไม่เหมือนเดิม
- การรับกลิ่นเพี้ยนไปจากเดิม
- เลือดออกมากกว่าปกติ
- อาการชาบริเวณจมูกนานเกินหรือถาวร
- มีอาการปวดบวมบริเวณจมูกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ “ผลสำเร็จหลังเสริมจมูกซิลิโคน หรือการศัลยกรรมทุกประเภทยังมาจากการตัวคนไข้เองร่วมด้วย การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ระมัดระวังเรื่องการกระแทก ปรับท่านอนในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ซึ่งตรงนี้คุณหมอผู้ทำการผ่าตัดจะเป็นผู้แนะนำให้คนไข้อยู่แล้ว หน้าที่สำคัญของคนไข้คือควรวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาตั้งแต่ตอนปรึกษาครับ คนไข้สมัยนี้มีความรู้มาก ส่วนใหญ่จะเข้ามาปรึกษาหมอพร้อมข้อมูลที่มีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนไข้บางส่วนที่ไม่มีการเตรียมตัวแบบนี้” คุณหมอต้นกล่าวทิ้งท้ายว่า “ก่อนทำศัลยกรรมจมูกควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนแล้วนำมาวิเคราะห์ร่วมกับคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เพื่อให้การเสริมจมูกเป็นไปอย่างปลอดภัยคู่กับความสวยอย่างธรรมชาติครับ”