ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาสำหรับแก้ไขเบ้าตาลึก ขอบตาดำ ถุงใต้ตา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นตามอายุ หรือการใช้ชีวิต

วันที่อัพเดตล่าสุด: 30 August 2024

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ

ในปัจจุบันปัญหาใต้ตาเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายค่ะ ซึ่งมีสาเหตุหลักๆมาจากการดำรงชีวิตประจำวัน,อายุที่เพิ่มมากขึ้น,โรคประจำตัวบางชนิด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จะเห็นได้ชัดว่าบางคนนั้นเป็นมาแต่กำเนิด แต่สำหรับบางคนนั้นมาเริ่มเป็นตอนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งสาเหตุดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ตาโหล ขอบตาลึก ริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากอะไร ปัญหาใต้ตานั้นมีทางออกเสมอค่ะ 

ทางออกที่ว่านั้นก็คือ การใช้ครีมบำรุงใต้ตาอย่างล้ำลึก,การเติมไขมันใต้ตา เลเซอร์ถุงใต้ตา รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาค่ะ แต่ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า วิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คงหนีไม่พ้น “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” นั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่เห็นผลได้ไวและชัดเจนที่สุดอีกด้วยนะ เดี๋ยวจะพาไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตากันค่ะ

อย่างแรกต้องขออธิบายก่อนนะคะว่า ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) ค่ะ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มได้หลายจุดเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก ,ขมับ, ใต้ตาตา,จมูก,ร่องแแก้ม,ปาก,หลังมือ รวมไปถึงคาง ด้วยค่ะ โดยในบทความนี้จะขอเน้นไปที่การ “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา”  เพื่อลดรอยคล้ำ ริ้วรอย บริเวณใต้ตา ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย  ใบหน้ากลับมาสดใส ดูเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญหลังทำเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเลยนะคะ

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

ใต้ตาที่สวยงามต้องมีความอวบอิ่ม เปล่งปลั่ง เรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย ไม่มีร่องลึก

ใต้ตาที่สวยงามเป็นอย่างไร

“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” หากเรามีรอบดวงตาที่สวยงามก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ เพิ่มบุคลิกให้ดูดี น่าค้นหาอีกด้วย แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีรอบดวงตาที่สวยงาม เนื่องจากปัญหารอบดวงตานั้นเป็นปัญหาที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หลายคนอาจสงสัยว่า “แล้วใต้ตาที่สวยงามนั้นเป็นอย่างไร” ในบทความนี้จะเล่าให้ฟังว่าลักษณะใต้ตาในฝันของสาวๆนั้นเป็นอย่างไร ไปรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ

ลักษณะใต้ตาที่สวยงามต้องมีความอวบอิ่ม เปล่งปลั่ง เรียบนียน ไม่เป็นร่องลึก ไร้ริ้วรอย  ซึ่งเป็นลักษณะใต้ตาที่ดี ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องของความสวยงามเท่านั้นนะคะ ยังช่วยให้ดูดีลดอายุให้แก่เจ้าของใบหน้าอีกด้วยค่ะ

ปัญหาถุงใต้ตามีสาเหตุมาจาก โรคภูมิแพ้ พันธุกรรม การยุบตัวของชั้นไขมันใต้ตา พฤติกรรม

ปัญหาถุงใต้ตามีสาเหตุมาจากอะไร

  • โรคภูมิแพ้

สำหรับผู้ที่ป่วยโรคภูมิแพ้ ปัญหาขอบตาดำก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากระบบไหลเวียนเลือดติดขัด ทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังใต้ตาขยายตัวนั่นเองค่ะ

  • พันธุกรรม

สามารถก่อให้เกิดปัญหาถุงใต้ตา ร่องใต้ตาได้ เนื่องจากกระดูกบริเวณเบ้าตาและใต้ตานั้นเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

  • การยุบตัวของชั้นไขมันบริเวณใต้ตา

ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องปกติค่ะ ที่ชั้นไขมันบริเวณใต้ตาจะฝ่อ บางลง ทำให้เบ้าตาดูลึกโบ๋ และก่อให้เกิดริ้วรอยใต้ตาตามมาด้วยค่ะ

  • พฤติกรรม การใช้ชีวิตประจำวัน 

การใช้ชีวิตในปัจจุบันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาใต้ตาต่างๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็น พักผ่อนน้อย,นอนดึก,ความเครียด และการขยี้ตาค่ะ หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ก็อาจช่วยลดปัญหาใต้ตาต่างๆได้ค่ะ

การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเรื่องอะไรบ้าง

ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นปัญหาใต้ตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ร่องใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก เป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาค่ะ แต่เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะว่า ฟิลเลอร์ใต้ตานั้นช่วยเรื่องอะไรบ้าง ไปรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ

  • ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราดูอ่อนล้า ไม่สดใส
  • เบ้าตาลึก ตาโหล เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา รวมไปถึงการสลายของเนื้อเยื่อ
  • ถุงใต้ตา ความหย่อนคล้อยของใต้ตา เมื่อมีถุงใต้ตา และความหย่อนคล้อยแล้ว ปัญหาที่จะเพิ่มเข้ามาอีกก็คือ ริ้วรอย รวมไปถึงร่องใต้ตานั่นเองค่ะ 
  • ริ้วรอยใต้ตา เวลาที่คนไข้ส่องกระจกจะเห็นเป็นรอยย่นๆบริเวณรอบดวงตา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุนะคะ
ฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ความอันตรายของการทำฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เอามาใช้ ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ และแพทย์ที่ทำหัตถการก็เช่นกัน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม

ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน จะไม่สลายไปเองตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดการตกค้างภายในร่างกายบริเวณที่ฉีดค่ะ ซึ่งหากปล่อยไว้นานๆอาจเกิดการอักเสบตามมาได้นะ สำหรับคนไข้บางรายที่ศึกษาหาข้อมูลก่อนเข้ารับบริการไม่เพียงพอ หรือเลือกตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจก่อให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดได้ค่ะ หากเกิดการอุดตันเส้นเลือดบริเวณใต้ตา คนไข้อาจตาบอดได้เลยนะคะ 

ดังนั้นหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือบริเวณใดก็ตามแต่ คนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เฉพาะทาง นอกจากนี้ยังรวไมปถึงการเลือกประเภทของฟิลเลอร์ด้วยนะคะ ก็คือต้องเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับมาตารฐานจากองค์กรอาหารและยา นั่นเองค่ะ เนื่องจากฟิลเลอร์แท้นั้นเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายของเราค่ะ ซึ่งสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติไม่ตกค้างในร่างกายของเราค่ะ แถมยังมีความปลอดภัยสูงด้วยนะ และที่สำคัญยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่อาจตามมาในอนาคตค่ะ 

ข้อดีของการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา คือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลชัดเจน

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ไม่ใช่การผ่าตัด

การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่การผ่าตัดแต่อย่างใดค่ะ เพราะเป็นการฉีดสารเติมเต็มบริเวณส่วนที่บกพร่องบนใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆให้แก่คนไข้ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพิ่มความสดใสให้แก่ใบหน้านั่นเองค่ะ

  • ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น

เนื่องจากวิธีนี้ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับร่างกาย ดังนั้นหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเลยค่ะ

  • ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ

เมื่อระยะเวลาผ่านไป ฟิลเลอร์ที่เป็นไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) แท้ จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสิ่งตกค้างนั่นเองค่ะ และหากคนไข้ไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ ก็สามารถฉีดตัวยาสลายฟิลเลอร์ได้ทันทีเลยค่ะ

  • เห็นผลลัพธ์หลังทำชัดเจน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน เนื่องจากสารที่ใช้ฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตานั้นจะมีความคงตัวทันที หากคนไข้รู้สึกไม่พึงพอใจก็สามารถเติมหรือนำสารเติมเต็มออกจากบริเวณใต้ตาได้ทันทีนั่นเองค่ะ

ข้อควรระวังของการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา คือฟิลเลอร์ไม่ได้อยู่ถาวร ราคาสูง และอาการข้างเคียง

ข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร

การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการเสริมความงามที่ไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร ทำให้ต้องมีการมาเติมใหม่เสมอ โดยส่วนใหญ่แล้วฟิลเลอร์นั้นจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 4-12 เดือน หลังจากนั้นจะสลายตัวไปตามธรรมชาติ โดยไม่เป็นอันตราย ไม่ทิ้งสารตกค้าง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตึที่ทำให้สาวๆหลายคนหันมาสนใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มความสวยมั่นใจนั่นเองค่ะ

  • ฟิลเลอร์ราคาค่อนข้างสูง

อย่างที่หลายคนทราบกันดี เกี่ยวกับสารปรกอบในฟิลเลอร์ นั่นคือ สารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เป็นสารที่สามารถเข้าไปอยู่ในร่างกายของคนเราได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติค่ะ ส่งผลให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ กลับสู่สภาพเดิม ดังนั้นหากต้องการผลลัพธ์ระยะยาวอาจต้องมีการกลับเข้ามาฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์เฉพาะทางตามระยะเวลาที่กำหนดนั่นเองค่ะ

  • ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน

หากเลือกฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐานอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนตามมา นอกจากนี้หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพออาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด และเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ค่ะ

  • อาการข้างเคียงหลังการฉีดฟิลเลอร์

อาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันบริเวณจึดที่ฉีดฟิลเลอร์ เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปหลังจากทำหัตถการ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะอาการเหล่านี้ สามารถหายไปได้เอง โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน เท่าัน้นค่ะ แต่แนะนำว่าช่วงนี้หลีกเลี่ยงการสัมผัส การเกา กด นวด บริเวณที่ฉีดก่อนนะคะ อ้อ…หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว อาการไม่ดีขึ้นแนะนำว่าให้รีบเข้าปรึกษาแแพทย์เพื่อทำการรักษาค่ะ 

ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดใต้ตาจะแบ่งออกเป็น เนื้อละเอียด กับเนื้อหยาบ

ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดใต้ตา

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอรืนั้นเป็นหนึ่งทางเลือกแก้ไขปัญหาใต้ตาค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ปรับเบ้าตาลึกให้ดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด แถมยังมีความปลอดภัยสูง ดังนั้นวันนี้จึงจะมาเล่าให้ฟังว่า ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนบ้างที่นิยมนำมาฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

แต่ต้องขอบอกก่อนนะคะว่าเราต้องเลือกใช้ฟลิลเอร์ของแท้ทีได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา  อ้อ…ต้องฉีดโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ด้วยนะคะ

  • ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด

เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลบางเบา นิยมใช้ฉีดผิวชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่งหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์เนื้อเเข็งค่ะ ส่วนยี่ห้อที่นิยมใช้หลักๆก็จะเป็น Restylane Vital Light และ Juvederm Volite ค่ะ

  • ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลคงตัว นิยมใช้ฉีดร่องตาลึก ส่วนยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ก็จะมี Restylane Perlane Lyft,Restylane Defyne และ Juvederm Voluma ค่ะ ซึ่งฟิลเลอร์ที่กล่าวมานี้จะมีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้มาก มีความคงตัวมากนั่นเองค่ะ

ขั้นตอนการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ปรึกษาแพทย์ นัดวันฉีดได้เลย

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ริ้วรอยรอบดวงตา เบ้าตาลึก เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นด้วยวิธีที่ได้รับความนิมยมสูงสุด เห็นผลหลังทำชัดเจน นั่นก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” นั่นเอง อย่างที่ทราบกันดีว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการไม่นาน เรียกได้ว่า สวยทันใจ ปลอดภัย สบายกระเป๋า เลยก็ว่าได้ค่ะ เดี๋ยวจะพาไปแอบดูขั้นตอนการทำหัตถการนะคะ ไปชมกันเลยค่ะ

  1. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหารอบดวงตา รวมไปถึงชนิดของฟิลเลอร์ แนะนำว่าให้สอบถามข้อมูลโดยละเอียดนะคะ
  2. คนไข้สามารถแต่งหน้าได้นะคะ แต่จะมีการทำความสะอาดเฉพาะบริเวณที่ฉีดเท่านั้นค่ะ
  3. ผู้ช่วยแพทย์จะทำการแปะยาชาบริเวณจุดที่ฉีด หลังจากนั้นแพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ ในกรณีนี้แนะนำว่าให้นั่งหรือนอนเอียงให้ระดับหัวอยู่สูงกว่าหัวใจนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหมออกมากนั่นเองค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ตาที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์มีประสบการณ์ เครื่องมือมีมาตรฐาน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีอย่างไร

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบปัญหาใต้ตาลึก ริ้วรอยใต้ตา มีความสนใจอยากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ยังมีข้อสงสัยว่า “จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี และการจะเลือกสถานพยาบาลต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง”  ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ความสวยไม่ใช่การเสี่ยงโชคค่ะ ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเลือกสถานพยาบาลจากการสุ่มเดานะคะ 

ดังนั้นวันนี้จะขอเล่าเทคนิคการเลือกสถานพยาบาล แพทย์ ในการทำหัตถการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจสำหรับสาวๆกันนะคะ ไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ

  • ความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล

โรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีความพร้อมของทีมแพทย์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทีไ่ด้รับมาตารฐานค่ะ

  • ประสบการณ์ของแพทย์

อย่างแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือ แพทย์ผู้ทำหัตถการค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของแพทย์ ซึ่งสามารถดูได้จากรีวิวของผู้เข้ารับบริการจริง, ประสบการณ์ของแพทย์, ความน่าเชื่อถือ, ใบประกอบวิชาชีพ และการให้คำปรึกษาของแพทย์ ซึ่งข้อดีของการปรึกษาแพทย์โดยตรง ทำให้เรารู้วิธีการรักษา ความน่าเชื่อถือของแพทย์ แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถอธิบาย ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียดและถูกต้องค่ะ

  • เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐาน 

เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ ของเรามีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตารฐาของโรงพยาบาลให้ดี รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อด้วยนะคะ

  • ราคาและโปรโมชั่นต่างๆ

การเลือกฉีดฟิลเลอร์ กับคลีนิคทั่วไปพราะราคาถูกนั้น อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือแย่กว่าที่คาดหวังไว้ เกิดผลข้างเคียงต่างๆตามมามากมาย ดังนั้นก่อนเราจะตัดสินใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ควรสอบถามข้อมูล ราคา โปรโมชั่นต่างๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน รวมไปถึงตรวจเช็ครีวิวจากคนไข้จริงให้ดี เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงฝีมือแพทย์และผลลัพธ์ที่เราควรได้รับอีกด้วยค่ะ

โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเป็นชั้นนำที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ  ได้รับมาตรฐาน พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อ นำทีมโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ การันตีฝีมือด้วยเคสรีวิวจากลูกค้าจริงมากมาย คนไข้สามารถมั่นใจเลยว่าจะได้รับความสวยควบคู่กับความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า อาการข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์สามารถพบได้ทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะพบทุกเคสนะคะ หากเรามีความรู้ ความเข้าใจถึงอาการข้างเคียงต่างๆที่อาจตามมา จะช่วยคลายความกังวลได้ในระดับหนึ่งนั่นเองค่ะ ซึ่งระดับของอาการข้างเคียงนั้นมีหลากหลายนะคะ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะอาการทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่มีวิธีการแก้ไขค่ะ วันนี้จะเล่าให้ฟังนะคะว่าอาการข้างเคียงเหล่านั้นมีอะไรบ้าง

ผลข้างเคียงในระหว่างการทำหัตถการ

  • เส้นเลือดอุดตัน 

ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า กรณีนี้อันตรายอย่างมากเลยค่ะ เนื่องจากจะทำให้เกิดภาวะเนื้อตา และหากเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตาจะทำให้ตาบอดได้ค่ะ

  • ภาวะฟกช้ำ

กรณีนี้ไม่ค่อยอันตรายค่ะ เกิดจากการที่เส้นเลือดฝอยบริเวณที่ฉีดได้รับควาเมสียหาย จึงเกิดเป้นรอยฟกช้ำค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ อาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับค่ะ

ผลข้างเคียงระยะแรก

  • ลักษณะบวมแดง นูน เป็นก้อน รวมไปถึงรอขรุขระไม่เรียบเนียนหลังฉีด
  • การติดเชื้อเฉียบพลันหลังฉีดค่ะ

ผลข้างเคียงระยะยาว

  • เกิดเป็นก้อน และบวม ซึ่งเกิดจากการแพ้หรือติดเชื้อนั่นเอง
  • มีน้ำหนอง น้ำเหลือง เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐานนั่นเองค่ะ
ข้อแตกต่างระหว่างฟิลเลอร์ใต้ตา กับฉีดไขมันใต้ตาคือ ฟิลเลอร์จะสะดวกไม่ต้องพักฟื้น ส่วนไขมันต้องพักฟื้นแต่อยู่ได้นานกว่า

ข้อแตกต่างระหว่างฟิลเลอร์ใต้ตา กับฉีดไขมันใต้ตา

อย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัญหาใต้ตานั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นวิะีแก้ไขปัญหานั้นจะมี 2 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา และ การเติมไขมันใต้ตา แต่จะมีกี่คนที่เข้าใจข้อแตกต่างระหว่าง 2 วิธีนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้หลายคนเกิดข้อสงสัยในใจมากมายว่า “การเติมไขมันใต้ตากับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันยังไง แล้วแบบไหนดีกว่ากัน ” วันนี้จะพาไปไขข้อสงสัยที่ว่ากันนะคะ

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ได้ผลลัพธ์เร็วที่สุด โดยใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือที่เราเรียกกันว่า HA นั่นเองค่ะ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นั้นใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการไม่นาน แถมเจ็บน้อย ไร้รอยแผล ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัดนั่นเอง ในส่วนของการดูแลตัวเองหลังฉีดนั้นก็ง่ายมากๆเลยค่ะ 

แต่ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ในช่วง 2-3 วันแรก อาจพบว่ามีอาการบวมแดง ซึ่งไม่ต้องกังวลไปนะคะ อาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเองในที่สุด แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเติมฟิลเลอร์นั้นจำเป็นต้องกลับเข้ามาเติมอยู่เรื่อยๆนะคะ เนื่องจากสารตัวนี้จะสลายไปได้เองตามธรรมชาติค่ะ

  • การเติมไขมันใต้ตา

เป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยการฉีดไขมัน ต้องขอบบอกก่อนเลยนะคะว่าวิธีนี้เป็นการผ่าตัดค่ะ จำเป็นที่จะต้องมีการพักฟื้นนะคะ แต่ข้อดีนั้นมีมากมายเลยค่ะ เนื่องจากการเติมไขมันนั้นเป็นการใช้ไขมันตัวเองจากส่วนอื่นของร่างกายมาปั่นแยกของเหลว แล้วนำมาเติมบริเวณใต้ตาของเรานั่นเองค่ะ โอกาสที่จะเกิดการแพ้นั้นมีน้อยมาก แถมผลลัพธ์นั้นอยู่ได้นานอีกด้วยนะ

การปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง งดวิตามินเสริม งดทานยาแอสไพริน

การปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ก่อนเข้ารับการทำหัตถการ เราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ แถมยังช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่อาจตามมาอีกด้วยนะคะ ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดจึงเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้จึงขอนำขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์มาฝากกันค่ะ 

  • ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาข้อมูลของฟิลเลอร์ที่นิยมนำมาฉีดบริเวณใต้ตาอย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจตามมาภายหลัง
  • เลือกสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน มีผลงานรีวิวมากมายเพื่อการันตีฝีมือแพทย์
  • งดยา แอสไพริน รวมไปถึงวิตามินต่างๆ
  • งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์นะคะ
  • สุดท้ายคือ งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดค่ะ
การปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดอาหารหมักดอง รสจัด เครื่องดื่มแอกอฮอล์ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ทานยาตามหมอสั่ง

การปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์นั้นก้สำคัญไม่แพ้การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดเลยค่ะ เนื่องจากหากเราปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทยือย่างเคร่งครัดแล้ว จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่อาจตามมาในภายหลัง แถมยังช่วยรักษผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ให้ยาวนานอีกด้วยค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันนะคะว่าหลังการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว เราควรดูแลตัวเองอย่างไร

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วอาจพบอาการบวมแดง แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะอาการดังกล่าวจะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเองค่ะ
  • แนะนำว่าให้ทานยาแก้ปวด ลดบวมตามแพทย์สั่งนะคะ
  • ดื่มน้ำเยอะๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนะคะ
  • ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงอากาศเย็น และความร้อนทุกชนิดนะคะ
  • งดรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มแอลกอฮอร์ทุกชนิด อาหารหมักดอง อาหารรสจัด รวมไปถึงอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆด้วยนะคะ
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามสัมผัสหรือเกาตรงที่ฉีด งดกิจกรรมที่มีความร้อนนาน ๆ งดดื่มแอลกอฮอล์ งดอาหารรสจัด หมักดอง และอาหารดิบ

ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การปฏิบัติตัวตามข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นถือ่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์นั้นอยู่ได้ยาวนาน แถมยังช่วยให้ฟิลเลอรเข้าที่เเร็วอีกด้วยค่ะ ดังนั้นวันนี้จะเล่ให้ฟังว่าข้อห้ามเหล่านั้นมีอะไรบ้าง เพื่อที่คนไข้จะได้ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องค่ะ

  • หลังฉีดมาแล้ว ครบ 60 นาทีก็สามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้เลยค่ะ หลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว เราไม่ควรสัมผัส แกะ เกา ในบริเวณนั้นๆนะคะ 
  • ในช่วง 3 วันแรก ควรหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนทุกชนิดนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการซาวน่า เลเซอร์ร้อน ตากแดดนานๆ การออกกำลังกาย แนะนำว่าให้อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นแทนค่ะ อ้อ…ช่วงนี้พยายามหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์นั้นอยู่ผิดตำแหน่งนั่นเองค่ะ
  • ช่วงนี้ควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิดเลยนะคะ รวมไปถึงงดสูบบุหรี่ด้วยค่ะ
  • รวมไปถึงอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารดิบด้วยนะคะ แนะนำว่าให้ทานอาหารที่สะอาด และปรุงสุกจะดีต่อสุขภาพของเรามากกว่าค่ะ
แชร์เลย:

Similar Posts