โหนกแก้ม คืออะไร
วันที่อัพเดตล่าสุด: 16 October 2024
โหนกแก้ม คืออวัยวะส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างตากับแก้ม หากมีขนาดไม่สมส่วน เช่น ใหญ่เกินไป โหนกนูนเพียงข้างเดียว อาจทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย ดูไม่อ่อนหวาน และโครงหน้าไม่สมดุลได้ค่ะ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่ได้รับความนิยมตอบโจทย์ทั้งผู้หญิง – ผู้ชาย คงหนีไม่พ้นการศัลยกรรม เพราะสามารถแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ต้นเหตุไปจนถึงปลายเหตุ โดยอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่าเกิดจากปัจจัยอะไร เช่น ไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก โครงสร้างกระดูกไม่เท่ากัน หรือมีโหนกแก้มที่สูงเกินไป ถึงจะทำให้หนุ่มสาวหลายคนกังวลก็ตาม แต่ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย จึงสามารถแก้ปัญหาโหนกแก้มให้หายไปได้อย่างถาวรด้วยเทคนิค ศัลยกรรมเหลาโหนกแก้ม หรือทุบโหนกแก้ม นั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตามการศัลยกรรมโครงหน้าก็มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ที่ช่วยปรับรูปทรงของโครงสร้างใบหน้า ดังนั้นจึงต้องทำการผ่าตัดภายใต้ความดูแลของแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด โดยอาจปรึกษาแพทย์ก่อนทำศัลยกรรม เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่าผู้มารับการรักษาต้องการเปลี่ยนจุดไหน อย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ และไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หลังจากผ่าตัดค่ะ
แก้ โหนกแก้ม สูงทำอย่างไรได้บ้าง
โหนกแก้มถ้ามีเยอะ หรือสูงเกินไป นอกจากจะทำให้หน้าเราใหญ่ หน้าบาน จะยิ่งทำให้ใบหน้าดูแข็ง ไม่ละมุน ยิ่งเวลายิ้มก็จะเห็นได้ชัดกว่าปกติ แถมดูมีอายุอีกด้วย ตองเชื่อว่าสาว ๆ หลายคนอยากมีหน้าที่ดูหวาน ละมุนอย่างแน่นอน ใครที่ประสบปัญหาโหนกแก้มสูงไม่ต้องเศร้าไปค่ะ เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ยิ่งในยุคสมัยนี้แล้วด้วยมีให้เลือกหลายหลายวิธี ทั้งแบบศัลยกรรมผ่าตัด และแบบไม่ศัลยกรรม โดยแต่ละแบบสามารถแก้ไขปัญหาอย่างไรได้บ้างไปดูพร้อมกันได้เลยค่ะ
ลดโหนกแก้มด้วยการศัลยกรรม
ศัลยกรรมโหนกแก้มมีด้วยกัน 2 วิธีคือ เหลาโหนกแก้ม ทุบโหนกแก้ม
- การเหลาโหนกแก้ม
การศัลยกรรมเหลาโหนกแก้มนั้น จะเหมาะกับผู้ที่มีแก้มนูนขึ้นมาด้านหน้าไม่สูงมากนัก โดยจะผ่าเปิดแผลในช่องปาก และใช้เครื่องมือกรอกระดูกโหนกแก้ม เพื่อลดขนาดของโหนกแก้ม วิธีนี้จะใช้ระยะเวลาพักน้อยกว่าการทุบโหนกแก้ม แถมยังช่วยปรับโครงหน้าของหนุ่มสาวให้ได้สัดส่วนอีกด้วยค่ะ
- ทุบโหนกแก้ม
การศัลยกรรมทุบโหนกแก้ม จะเหมาะกับคนที่มีโหนกแก้มใหญ่ สูง โดยจะผ่าตัดเปิดแผล และใช้เครื่องมือตัดกระดูกโหนกแก้ม พร้อมเชื่อมกระดูกให้เข้ากันสามารถปรับลดขนาดให้เหมาะสมกับใบหน้า วิธีนี้จะใช้เวลาพักฟื้นนาน และต้องทานอาหารอ่อนไปจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ แต่เทคนิคนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับโหนกแก้มสูงใหญ่ได้อย่างถาวร
ลดโหนกแก้มแบบไม่ศัลยกรรม
- ฉีดฟิลเลอร์
การแก้ปัญหาโหนกแก้มสูง ด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์โหนกแก้ม แพทย์จะฉีดบริเวณที่ไขมันใต้ชั้นผิวทำให้บริเวณ ขมับ และแก้มตอบ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้โหนกแก้มดูสูง และใหญ่ขึ้นมา โดยเป็นการเติมให้ใบหน้าดูสมดุล มีมิติมากยิ่งขึ้นได้ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วส่วนที่เคยยุบก็จะให้หายไป ผลลัพธ์ที่ได้คือเห็นโหนกแก้มลดน้อยลง ดูละมุนขึ้น ถึงแม้จะยิ้มโหนกแก้มก็จะไม่ดูเด่นขึ้นมา หลังฉีดจะเห็นผลลัพธืได้ทันที และอยู่ได้นานถึง 12 – 18 เดือน ก่อนจะสลายไปเองตามธรรมชาติ
- ร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นการทำหัตถการผ่านการใช้เส้นไหมพิเศษเข้าไปยกกระชับผิวส่วนที่มีปัญหาหย่อนคล้อย ไม่กระชับให้กลับมาเต่งตึง หรือให้โหนกแก้มเด่นน้อยลง แต่การร้อยไหมนั้นไม่ใช่การลดขนาดของโหนกแก้มได้โดยตรง แต่เป็นการปรับความกระชับของกล้ามเนื้อที่โหนกแก้มให้กลับมาตึงอีกครั้ง ส่งผลให้โหนกแก้มที่หย่อน หรือนูนชัดจากผิวที่ไม่เต่งตึงกลับมายกขึ้น และกลมกลืนไปกับชั้นเนื้อผิวส่วนอื่น
- ฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้มจะเป็นการฉีดเข้าไปเพื่อปรับลดขนาดทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง แต่ถ้าเป็นโหนกแก้มที่ใหญ่มากเกินไปจากกระดูก โบท็อกซ์อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด ซึ่งส่งผลทำให้อาจเห็นลักษณะของโหนกแก้มได้อย่างเด่นชัดอยู่นั่นเองค่ะ
แนวทางดูแลโหนกแก้มบวมหลังผ่าตัด
หลังจากการผ่าตัดศัลยกรรม ย่อมเกิดแผลตามมาเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะอาการบวมช้ำ ทั่วไปมักมีอาการบวมนานประมาณ 7 – 10 วันซึ่งแพทย์จะแนะนำการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดที่จะช่วยป้องกันการบวมหรือถ้าเลี่ยงอาการบวมไม่ได้ก็ให้บวมน้อยที่สุด รวมถึงช่วยให้อาการบวมหายเร็วขึ้นผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สำหรับใครที่เพิ่งผ่านการศัลยกรรมมาหมาด ๆ หรือสนใจทำศัลยกรรมแล้วอยากให้แผลหายเร็ว ฟื้นตัวเร็วขึ้น เรามีวิธีดี ๆ มาฝาก ดังนี้
- ประคบเย็น
ใช้เจลแพ็กหรือผ้าขนหนูที่เปียกแช่ช่องแข็ง ประคบอย่างต่อเนื่อง 48 ชั่วโมง ซึ่งการประคบเย็นจะช่วยควบคุมการเสียเลือด ลดความเจ็บปวด และการบวมของแผล นอกจากนี้ความเย็นที่ประคบลงบนผิวจะทำให้เลือดแข็งตัว และหยุดไหนทำให้อาการบวมลดลง
- ประคบอุ่น
หลังการผ่าตัดศัลยกรรมครบ 1 สัปดาห์ อาการบวมจะเริ่มลดลง แผลจะเริ่มแห้ง ให้เปลี่ยนมาประคบอุ่นแทน เพราะความร้อนจากการประคบอุ่นจะช่วยให้เส้นเลือดขยายตัวรับการดูดซึมกลับของสารน้ำต่างๆทำให้เลือดใหม่เข้ามาหล่อเลี้ยงบริเวณแผลผ่าตัด สลายลิ่มเลือดเก่า หากประคบร้อนลงไปแล้วเกิดอาการบวมขึ้นให้หยุดลงทันที
- ยกหัวให้สูง
นอนยกหมอนสูงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ไม่นอนตะแคง หรือจะให้ดีก็นอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนไปเลย เพื่อลดอาการบวม ช้ำ ของแผลผ่าตัดที่เกิดจากการคั่งของเลือด
- อาหารช่วยลดบวม
ไม่ใช่แค่เรื่องการดูแลตัวเองเท่านั้น เรื่องอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ฟักทอง ใบบัวบก ถั่วดำ น้ำมะพร้าว เพราะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ทั้งวิตามินเอ ช่วยลดการติดเชื้อหลังผ่าตัด ช่วยขจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ช่วยลดอาการบวม อีกทั้งช่วยลดอาการติดเชื้อได้อีกด้วย