ฉีดไขมันหน้าอกกับเสริมหน้าอกซิลิโคนแตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี

อย่างที่ทราบกันดีว่าสาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันอยากมีหน้าอกที่ได้รูป ทรงสวยงาม ช่วยเสริมบุคลิกและเพิ่มความมั่นใจ ซึ่งการเพิ่มขนาดหน้าอกด้วยศัลยกรรม หลัก ๆ มี 2 วิธี ที่ได้รับความนิยมในวงการเสริมความงาม นั่นคือการฉีดไขมันหน้าอกและการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน โดยในบทความนี้จะพามาเจาะลึกว่าการศัลยกรรมหน้าอกแบบไหนดีกว่ากัน มีข้อแตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่ากัน เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการมากที่สุด
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน คือ
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน คือการผ่าตัดใส่ซิลิโคนไปบริเวณหน้าอก โดยใช้ซิลิโคนทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐาน สามารถเลือกได้ทั้งรูปทรง ผิวสัมผัส ขนาด รวมถึงตำแหน่งในการวางซิลิโคน ให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการวางเหนือกล้ามเนื้อหรือใต้กล้ามเนื้อ ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินร่วมกับความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อออกแบบผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ซิลิโคนหน้าอกมีอะไรบ้าง
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนถือเป็นหนึ่งในศัลยกรรมยอดนิยมที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับรูปร่างให้สวยได้สัดส่วน ซึ่งซิลิโคนหน้าอกที่ใช้ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบ โดยแบ่งตามประเภท และรูปทรง ดังต่อไปนี้
ประเภทของซิลิโคนหน้าอก
- ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline Implants)
เป็นถุงน้ำที่บรรจุน้ำเกลือ หากเกิดการรั่วซึม ร่างกายสามารถดูดซึมและขับออกได้อย่างปลอดภัย แต่มีโอกาสชำรุดมากกว่าซิลิโคนแบบเจล อาจทำให้ขนาดเต้านมทั้งสองข้างไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด
- ซิลิโคนแบบเจล (Silicone gel implants)
เป็นซิลิโคนที่ภายในบรรจุด้วยเจลซิลิโคนเนื้อหนืด มีคุณสมบัติในการคงรูปได้ดี จึงช่วยให้หน้าอกที่เสริมมีรูปทรงที่อยู่ตัว ดูนุ่มนวล และเป็นธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังไม่เกิดปัญหาเรื่องการรั่วไหลของของเหลวเหมือนแบบน้ำเกลือ จึงได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
รูปทรงของซิลิโคนหน้าอก
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม
มีลักษณะคล้ายซาลาเปา ฐานกว้าง มีทั้งแบบพุ่งมากและพุ่งน้อย ช่วยให้หน้าอกดูอวบอิ่มตั้งแต่เนินอกลงมาถึงฐานเต้านม
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ
มีลักษณะคล้ายเต้านมของมนุษย์ขณะยืน ด้านบนแบนเล็กน้อย ด้านล่างมีความโค้งตามแรงโน้มถ่วง ให้หน้าอกที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าทรงกลม

ข้อดีข้อเสียการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- เห็นผลทันทีหลังผ่าตัด
- เลือกขนาดและรูปทรงได้หลากหลาย
- เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเนื้อหน้าอกเดิม
- ผลลัพธ์คงทน อยู่ได้นาน
- ผ่านการรับรองความปลอดภัยระยะยาว
ข้อเสียของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- มีแผลผ่าตัด
- มีความเสี่ยงหากใช้ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน
- ต้องติดตามผลในระยะยาว
ฉีดไขมันหน้าอก คือ
ฉีดไขมันหน้าอก คือการศัลยกรรมเสริมความงามหน้าอกที่นำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้องหรือต้นขา มาฉีดเติมเต็มที่หน้าอก เพื่อเพิ่มขนาดและปรับรูปทรงให้ดูอวบอิ่ม เต่งตึง และเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ฉีดและการดูแลหลังทำ

ข้อดีข้อเสียของฉีดไขมันหน้าอก
ข้อดีของฉีดไขมันหน้าอก
- แผลเล็ก ไม่มีแผลเป็นจากการผ่าตัด
- ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
- เสียเลือดน้อย
- มีอาการบวมช้ำไม่มาก
ข้อเสียของฉีดไขมันหน้าอก
- หน้าอกอาจมีขนาดเล็กลง เนื่องจากไขมันสลายตัว
- สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- มีโอกาสที่หน้าอก 2 ข้างจะไม่เท่ากัน
- ผลลัพธ์ไม่คงที่เท่าซิลิโคน
- ยกกระชับหน้าอกได้น้อย
- ฉีดเข้าไปได้ในปริมาณจำกัดเท่านั้น
- ไม่มีการรับประกันผลลัพธ์ในระยะยาว
- เสี่ยงเกิดพังผืด หรือไขมันจับตัวเป็นก้อน
- หากเครื่องมือที่ใช้ไม่สะอาด อาจมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ

ฉีดไขมันหน้าอกกับเสริมหน้าอกซิลิโคนแตกต่างกันอย่างไร
ฉีดไขมันหน้าอกกับเสริมหน้าอกซิลิโคนมีความแตกต่างกันทั้งในด้านของวัสดุที่ใช้ ขั้นตอนการศัลยกรรม ผลลัพธ์หลังทำ รวมถึงระยะเวลาการคงผลลัพธ์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- วัสดุที่ใช้
ฉีดไขมันหน้าอก: ใช้ไขมันจากร่างกายบริเวณหน้าท้อง สะโพก เอว ต้นขา เป็นต้น
เสริมหน้าอกซิลิโคน: ใช้ซิลิโคนทางการแพทย์ โดยเลือกใช้ให้เหมาะสมตามสรีระของแต่ละบุคคล
- ขั้นตอนการศัลยกรรม
ฉีดไขมันหน้าอก: ดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย แล้วฉีดไขมันเข้าหน้าอกเพื่อเพิ่มขนาด
เสริมหน้าอกซิลิโคน: ผ่าตัดเปิดแผลบริเวณรักแร้ใต้ราวนมหรือปานนม แล้วใส่ซิลิโคนเข้าไปใต้กล้ามเนื้อหน้าอก
- ผลลัพธ์หลังทำ
ฉีดไขมันหน้าอก: หน้าอกดูอวบอิ่ม เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มขนาดเล็กน้อยถึงปานกลาง
เสริมหน้าอกซิลิโคน: หน้าอกดูชัดเจน เต่งตึง เพิ่มขนาดได้มากตามต้องการ เห็นผลทันทีหลังผ่าตัด
- ระยะเวลาการคงผลลัพธ์
ฉีดไขมันหน้าอก: ไขมันบางส่วนจะสลายไปเองภายใน 3–6 เดือนแรก ผลลัพธ์ที่เหลือจะคงอยู่ถาวรบางส่วน
เสริมหน้าอกซิลิโคน: ซิลิโคนหน้าอกสามารถอยู่ได้นาน 10–15 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพซิลิโคนและการดูแล

ปรึกษาเสริมหน้าอกแบบไหนดีทีมแพทย์โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช
สำหรับใครที่กำลังมองหาทางเลือกในการศัลยกรรมหน้าอก สามารถปรึกษาทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะการเสริมหน้าอกไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชขอแนะนำการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ที่เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูง และให้ผลลัพธ์ที่ทั้งสวย ปลอดภัย คงรูป และอยู่ได้นานกว่าการฉีดไขมันหน้าอก ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ https://www.masterpiecehospital.com/appointment