Exosome คืออะไร? เหมาะกับใคร? ก่อนทำควรรู้อะไรบ้าง?
Exosome คืออีกหนึ่งนวัตกรรมทางเลือกสำหรับการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น สุขภาพดี ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น โดยในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จัก Exosome อย่างละเอียด สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาฉีดเป็นครั้งแรก ว่า Exosome คืออะไร? เหมาะกับใคร? ก่อนทำควรรู้อะไรบ้าง? พร้อมกับตอบคำถามที่หลายคนสงสัย
Exosome คืออะไร
Exosome คือ นวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่มีลักษณะเป็นถุงทรงกลมขนาดเล็กมาก ประมาณ 30-100 นาโนเมตร หรือเล็กกว่าเซลล์ของร่างกายทั่วไปถึง 1 ใน 1,000 เท่า ซึ่งถูกปล่อยออกมาจาก สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ด้วยขนาดของ Exosome ที่เล็กมาก ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึก และภายในประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลมากกว่า 1,000 ชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ดังต่อไปนี้
- Growth Factors : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่
- Peptides : ส่งเสริมความยืดหยุ่นของผิว
- Amino Acids : ส่วนประกอบหลักของโปรตีนในเซลล์ผิว
- Coenzymes : ตัวเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการฟื้นฟูเซลล์
- Hyaluronic Acid : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- โปรตีนชนิดต่าง ๆ : ที่ช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว
Exosome มีหลักทำงานอย่างไร ช่วยเรื่องอะไร
Exosome มีหลักการทำงานโดยเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างเซลล์อื่น โดยเป็นถุงน้ำเล็ก ๆ ที่บรรจุสารชีวโมเลกุลที่มีประโยชน์ เคลื่อนที่ไปยังเซลล์เป้าหมาย เพื่อไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้ฟื้นฟูตัวเองและทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผิวและช่วยบำรุงผิวในหลายด้าน ดังต่อไปนี้
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์
- ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ลดการอักเสบ และลดการระคายเคือง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการชะลอวัย กลับมาเต่งตึง อ่อนเยาว์
- ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดง รอยดำจากสิว
- ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส มีสีผิวที่สม่ำเสมอ เรียบเนียน
- ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟู ฉ่ำน้ำ ดูสุขภาพดี
- ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และลดผลกระทบจากรังสี UV
- ช่วยฟื้นฟูสมดุลในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ชะลอการเสื่อมของเซลล์รากผม
- ช่วยลดปัญหาผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะอ่อนแอ
Exosome เหมาะกับใครบ้าง
Exosome เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าอย่างล้ำลึก และมีปัญหาผิวในหลายด้าน ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยตีนกา หางตา ริ้วรอยหน้าผาก ร่องแก้ม ร่องมุมปาก
- ผู้ที่มีรอยสิว ฝ้า กระ รอยแดงสิว จุดด่างดำ
- ผู้ที่มีสิวเรื้อรังบนใบหน้า เช่น สิวผด สิวอักเสบ สิวอุดตัน ผิวติดสาร
- ผู้ที่มีรอยแผลเป็น รอยหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ต้องการฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก
- ผู้ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ที่มีริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงสิว
- ผู้ที่มีผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง สุขภาพดี
- ผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวแดงจากการทำเลเซอร์ ต้องการลดการอักเสบของผิว
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากหลายสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การฉีด Exosome จะช่วยฟื้นฟูและซ่อมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก แต่ก็มีข้อจำกัด โดยบุคคลที่ไม่เหมาะกับการฉีด Exosome มีดังต่อไปนี้
- ผู้ที่แพ้โลหะ
- ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่เป็นมะเร็ง
- ผู้ที่แพ้เกสรดอกไม้
- ผู้ที่รับประทานยากดภูมิ
- ผู้ที่เป็นโรค Autoimmune (แพ้ภูมิตนเอง)
Exosome ต้องฉีดกี่ครั้ง เจ็บไหม
เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรฉีด Exosome ต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์จนครบ 3 ครั้ง หลังจากนั้นเว้นช่วง 1 เดือน จึงทำครั้งที่ 4 และเว้นช่วง 1 ปี จึงทำครั้งที่ 5 โดยในการรักษาแต่ละครั้ง แพทย์จะทำการฉีดยาชา จึงทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย หรือแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย
Exosome จัดเป็น Skin Booster หรือไม่
Exosome ถูกจัดเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี Skin Booster ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ยืดหยุ่น เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ จึงถือเป็นการบูสต์ผิวจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง
การฉีด Exosome ควรฉีดครั้งละกี่ซีซี
โดยทั่วไปแล้วจะนิยมฉีด Exosome ประมาณ 1 – 2 cc ต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพผิวแต่ละบุคคล ปัญหาที่ต้องการแก้ และบริเวณพื้นที่ผิวที่ต้องการฉีด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและปรับปริมาณ Exosome ให้เหมาะสมกับความต้องการของผิวในแต่ละเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อดี-ข้อเสียของ Exosome มีอะไรบ้าง?
การรู้ข้อดีและข้อเสียของการฉีด Exosome ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้รับบริการสามารถตัดสินใจได้ โดยมีข้อมูลครบถ้วน ปลอดภัย ซึ่งข้อดีและข้อเสียมีดังนี้
ข้อดีของ Exosome
- ฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
- ใช้ได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า รอบตา ลำคอ
- แก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม
ข้อเสียของ Exosome
- อาจมีอาการบวมเล็กน้อย
- อาจมีตุ่มนูนบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะยุบลงเองภายใน 1–3 วัน
- หากต้องการใช้ใบหน้าด่วน แนะนำให้ทำล่วงหน้าอย่างน้อย 5–7 วัน
- ไม่เหมาะกับบุคคลบางกลุ่ม
ขั้นตอนการทำ Exosome
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าในเบื้องต้น
- แจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
- ทำความสะอาดผิวหน้าและแปะยาชาเพื่อลดความเจ็บ
- แพทย์จะฉีด Exosome เข้าสู่ผิวหนัง หรือใช้เครื่องมือผลักยาเข้าสู่ชั้นผิว โดยตัวยาจะซึมเข้าสู่ผิว และกระจายเข้าสู่ระบบหลอดเลือด เพื่อฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ
- ใช้เวลาทำประมาณ 15–30 นาที ต่อครั้ง
การดูแลตัวเองหลังทำ Exosome
- งดบีบ กด แคะ แกะ เกา หรือสัมผัสผิวแรง ๆ ในช่วง 3–5 วันแรก
- ควรนอนหงาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้า
- สามารถประคบเย็นเบา ๆ ได้ตามคำแนะนำของแพทย์
- งดสครับผิว ขัดผิว ลอกผิว หรือทำเลเซอร์ จนกว่าผิวจะฟื้นตัวเต็มที่
- หลีกเลี่ยงการตากแดด ซาวน่า ออกกำลังกายในที่แจ้ง หรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าอบร้อน
- ควรทาครีมกันแดด SPF50+ และใช้สกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นต่อผิว
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 1.5–2 ลิตร (ประมาณ 8–10 แก้ว)
ปรึกษาโปรแกรม Exosome ทีมแพทย์โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช
หากต้องการฟื้นฟูผิวโทรมโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น การฉีด Exosome ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว เพิ่มคอลลาเจน ลดริ้วรอย ทำให้ผิวกระจ่างใสเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ ผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาโปรแกรม Exosome กับทีมแพทย์โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย