อาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม รู้ทัน ป้องกัน และแก้ไขด้วยการดูดไขมัน

ไขมันสะสม เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อรูปร่างและความมั่นใจของใครหลายคน ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ไขมันสะสมยังส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยรวม ทำให้เสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในปัจจุบัน นอกเหนือจากการออกกำลังกายหรือคุมอาหาร ยังมีเทคนิคทางการแพทย์อย่างการดูดไขมันที่จะช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมได้ ในบทความนี้จึงจะมาพูดถึงความอันตรายของไขมันสะสม รวมถึงแนวทางการแก้ไขด้วยวิธีดูดไขมัน เพื่อให้เข้าใจ รู้ทัน และสามารถแก้ปัญหาไขมันสะสมได้

ไขมันสะสมในร่างกาย เกิดจากอะไร?

ไขมันสะสม สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้

ปัจจัยภายใน

• กรรมพันธุ์: กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไขมันสะสม หรือโรคอ้วน เนื่องจากในกรณีที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคอ้วน จะมีโอกาสส่งต่อให้รุ่นลูกหรือหลานเป็นโรคอ้วนได้
• อายุ: เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระบบเผาผลาญในร่างกายจะทำงานได้ไม่เต็มที่ เมื่อทานอาหารจึงถูกนำไปสะสมเป็นไขมันได้ง่าย
• เพศและระดับฮอร์โมน: โดยทั่วไป เพศหญิงจะมีไขมันในร่างกายสูงกว่าผู้ชาย จึงมีโอกาสที่ผู้หญิงจะมีไขมันสะสมได้มากกว่าผู้ชาย

ปัจจัยภายนอก

• การทานอาหาร: การทานอาหารเกินกว่าการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะอาหารแปรรูป น้ำตาล คาร์โบไฮเดรตขัดสี และไขมันทรานส์ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถดึงไปใช้ได้ทั้งหมด จนกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย
• ไม่ออกกำลังกาย: สืบเนื่องจากการทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงในปริมาณมาก โดยไม่ออกกำลังกาย หรือไม่ขยับตัว พลังงานในร่างกายจะไม่ถูกนำไปใช้ และเกิดการสะสมไขมันในร่างกายได้

เปิดตำราอาหารตัวร้าย ที่ทำให้ไขมันสะสมไม่รู้ตัว

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดไขมันสะสมโดยไม่รู้ตัว โดยอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม ได้แก่อาหารทอด มัน หวาน รวมถึงอาหารแปรรูปต่าง ๆ เนื่องจากอาหารประเภททอดและมันจะมีน้ำมันค่อนข้างมาก ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความจำเป็น จนกลายเป็นไขมันสะสมบริเวณต่าง ๆ และในส่วนของขนมหวาน รวมถึงอาหารแปรรูป จะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่ให้สารอาหารน้อย มีโซเดียมและไขมันอิ่มตัวสูง กล่าวคือเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อทานอาหารเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้เกิดไขมันสะสมโดยที่อาจจะไม่รู้ตัวได้

ภัยเงียบจากไขมันสะสม ผลกระทบต่อสุขภาพที่คุณไม่ควรมองข้าม

ไขมันสะสม จะสะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และส่งผลกระทบต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ดังนี้

• ไขมันช่องท้อง

ไขมันช่องท้อง เป็นไขมันสะสมที่อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรูปร่าง แต่จะเกาะตามอวัยวะต่าง ๆ ในช่องท้อง ส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และอาจเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นไขมันพอกตับ โรคอ้วน หรือแม้กระทั่งโรคหัวใจ

• ไขมันในหลอดเลือด

ไขมันในหลอดเลือด หรือคอเลสเตอรอล เป็นไขมันที่พบในเลือด เกิดจากการทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ ส่งผลให้ไขมันยึดเกาะผนังหลอดเลือด จนมีภาวะหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็ง และจะนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจได้

• ไขมันใต้ผิวหนัง

ไขมันใต้ผิวหนัง เกิดจากการสะสมของร่างกายที่เก็บไว้เป็นพลังงาน ซึ่งจะไม่มีความอันตราย แต่จะส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกมากกว่า อย่างไรก็ตาม ไขมันใต้ผิวหนังสามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกาย ควบคู่กับการคุมอาหาร หรือหากต้องการลดอย่างรวดเร็ว ดูดไขมันก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

ทำความรู้จักการดูดไขมัน ทางออกสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันสะสม

เชื่อว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าวิธีการลดไขมันสะสม จำเป็นจะต้องคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจจำเป็นต้องใช้เวลาและมีวินัยสูง รวมถึงในบางกรณีวิธีธรรมชาติอาจไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ ดังนั้น จึงมีเทคนิคทางการแพทย์อย่างการดูดไขมันเข้ามาเป็นทางออกของปัญหา โดยการดูดไขมันมีข้อดีคือทำให้สัดส่วนและไขมันสะสมลดได้ในทันที อีกทั้งช่วยเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้บุคลิกภาพ และระบบการทำงานของร่างกายโดยรวมดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันอาจมีอาการปวดแผล และชาบริเวณแผลผ่าตัด รวมถึงหากดูแลตัวเองไม่ดีก็มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาได้ แนะนำให้ดูดไขมันกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะช่วยลดความเสี่ยง และทำให้ได้รับผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ

ดูดไขมันเหมาะกับใคร?

การดูดไขมัน เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมในแต่ละส่วนค่อนข้างมาก และไม่สามารถลดได้ด้วยวิธีธรรมชาติ หรือต้องการลดแบบเร่งด่วน การดูดไขมันจะช่วยลดไขมันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ และมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น

สรุป

ไขมันสะสม เป็นจุดเริ่มต้นของโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เนื่องจากจะทำให้มีไขมันเกาะอยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะต่าง ๆ ระบบไหลเวียนเลือด รวมไปถึงเซลล์ตับ การดูดไขมัน เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสม และไม่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีธรรมชาติอย่างการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ช่วยคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันให้กลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยง และได้รับผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ