ฟิลเลอร์ คือ อะไร
ฟิลเลอร์(Filler) คือสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูโรนิค แอซิด(Hyaluronic Acid) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HA ซึ่งเป็นการเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเรา โดยสารดังกล่าวจะมีอยู่มากบริเวณในชั้นผิวหนัง และกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของคอลลาเจนที่ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว ที่ร่างกายสามารถสูญเสียไปได้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นครับ
การฉีดฟิลเลอร์คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์คือการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่มีส่วนช่วยเติมเต็มชั้นในผิวหนัง และใต้ผิวหนัง สามารถแก้ปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ลงได้ครับ นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังมีส่วนช่วยในการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูเข้ารูป มีน้ำมีนวล ผิวดูเต่งตึง และยังเป็นการเติมเส้นใยคอลลาเจนที่หายไปได้อีกด้วยครับ
ถึงอย่างไรการฉีดฟิลเลอร์ก็ควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้นนะครับ เนื่องจากพบว่ามีคนไข้บางกลุ่ม เลือกใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ผ่านทางหมอกระเป๋าแล้วเกิดปัญหาตามมาภายหลัง จึงส่งผลให้คนไข้ต้องเสียเวลากลับมารักษาให้หายเป็นปกติ
อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ได้เพียงวันหรือสองวัน แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไข้ทุกคน เกี่ยวกับการเลือกรับการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งควรทำอย่างถูกต้อง และถูกวิธีโดยสถานพยาบาลชั้นนำ หรือแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพสำหรับหัตถการนั้น ๆ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์นั่นเองครับ
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์
โดยปกติแล้วผิวหนังทุกส่วนทั่วร่างกายของคนไข้ จะมีส่วนประกอบที่สำคัญคอยช่วยเสริมให้ผิวพรรณดูเต่งตึงอยู่ตลอด ซึ่งก็คือใยคอลลาเจนที่ร่างกายของคนไข้สามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติครับ แต่เมื่อคนไข้เริ่มมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ใยคอลลาเจนก็สามารถมีปริมาณลดลงไปได้เองจากความเสื่อมสภาพครับ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายดูมีริ้วรอยหรือหมองคล้ำ ส่วนบริเวณที่เห็นได้ชัดที่สุดจะอยู่บนใบหน้าของคนไข้นั่นเองครับ
ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดยการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่สลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงเหมาะกับการฉีดบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็น ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก ปาก คาง ขมับ และแก้มตอบ หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ทิ้งสารตกค้างในร่ากาย จึงทำให้ฟิลเลอร์เป็นที่นิยมสำหรับการแก้ปัญหาบนใบหน้าในปัจจุบันครับ
อย่างไรก็ตามอาจมีข่าวคราวที่ไม่ดีเกี่ยวกับฟิลเลอร์อยู่บ่อยครั้งให้คนไข้พบเห็น แต่ในกรณีนั้นจะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญนะครับ เพราะฟิลเลอร์ถือเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีการรับรองโดยองค์กรอาหารและยา (อย.) จากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ FDA เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยสูงครับ
ฉีดฟิลเลอร์จุดไหนได้บ้าง
จริง ๆ แล้วฟิลเลอร์นั้นมีค่อนข้างหลากหลายยี่ห้อ และแต่ละรุ่นแตกต่างกัน จึงทำให้สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ซึ่งคนส่วนมากจะมีปัญหาบริเวณใบหน้า จึงทำให้นิยมนำมาฉีดนั่นเองครับ โดยจุดไหนบ้างที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ไปดูกันครับ
- ใต้ตา
สามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเพื่อลดปัญหาร่องลึก ถุงใต้ตาย้อย หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยอันควรได้ครับ
- คาง
สามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางเพื่อปรับรูปหน้าหรือโครงหน้า ให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นหรือลดกรอบหน้า และเหนียงอย่างเป็นธรรมชาติได้ครับ
- ขมับ
สามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับเพื่อเติมเต็มใบหน้าให้เข้ารูป ดูมิติเพิ่มยิ่งขึ้น และยังช่วยทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้ครับ
- ริมฝีปาก
สามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปากเพื่อให้ดูชุ่มชื่น หรือบริเวณร่องปากให้ดูอวบอิ่ม อีกทั้งยังช่วยยกมุมปากให้เข้ากับรูปทรงหน้าของคนไข้ได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ
- แก้ม
สามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้มเพื่อยกกระชับใบหน้า ให้ร่องน้ำหมากที่ชัดดูจางลง ส่งผลให้ใบหน้าคนไข้ดูอ่อนเยาว์ลงได้ครับ
- หน้าผาก
สามารถฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากมีรอยยุบหรือรอยบุ๋ม และหน้าผากแบนรวมถึงเอนไปข้างหลัง ทำให้หน้าดูมีอายุ สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ครับ
ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนสามารถแก้ไขได้โดยการฉีดฟิลเลอร์ เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เต่งตึง และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ทันทีหลังฉีดครับ อย่างไรก็ตามควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้นนะครับ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้นั่นเองครับ
ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
ปกติแล้วฟิลเลอร์จะเหมาะสำหรับแก้ปัญหาบนใบหน้า ที่ทำให้คนไข้เกิดขาดความมั่นใจหรือไม่สบายใจในรูปลักษณ์ของตนเอง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จะสามารถช่วยได้ในระดับนึงครับ แต่ทว่าก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้เช่นกัน ดังนั้นฟิลเลอร์เหมาะกับใครไปดูกันครับ
- คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องผิวต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ บริเวณใบหน้าการฉีดฟิลเลอร์ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะปัญหาดังกล่าวแก้ไขยากในหัตถการอื่น ๆ หรือการบำรุงผิวบางทีก็อื่นช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ
- คนไข้ที่ต้องการปรับแต่งรูปทรงหน้าหรือโครงหน้า ให้ดูสมูท ดูมีมิติ อีกทั้งยังสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าตามโหงวเฮ้งได้ตามความต้องการของคนไข้ โดยไม่อยากผ่าตัดหรือไม่อยากพักฟื้น ดังนั้นฟิลเลอร์จึงเหมาะกับคนกลุ่มนี้ครับ
- คนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้าไม่ว่าจะเรื่อง หลุมสิว รูขุมขน หรือผิวหมองคล้ำ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนไข้เกิดความกังวล และขาดความมั่นใจ ก็เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์นะครับ เพราะสามารถปรับสภาพพื้นผิวได้ อีกทั้งยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด ถูกใจหนุ่มสาวทุกคนแน่นอนครับ
- คนไข้ที่เริ่มสูงอายุต่อให้บำรุงรักษาใบหน้าเท่าไหร่ก็ไม่เหมือนเดิม สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้กลับมาคงความอ่อนเยาว์ สดใส และดูเปล่งปลั่งได้ทันทีหลังฉีดครับ
ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
ฟิลเลอร์ที่เป็นสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (HA)จะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ได้รับการรองรับจาก อย. ทำให้ไม่เกิดอาการแพ้ และไม่มีสารตกค้างแน่นอน ถึงอย่างไรฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อีกหลายด้านดังนี้ครับ
- ฟิลเลอร์สามารถช่วยลดริ้วรอยหรือปัญหาร่องลึกบริเวณใบหน้าได้ ส่งผลให้คนไข้เกิดความพึงพอใจหลังทำแน่นอนครับ
- ฟิลเลอร์สามารถแก้ไขปัญหาในบริเวณที่ยากได้อย่างแม่นยำ และดูเป็นธรรมชาติหากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ
- ฟิลเลอร์สามารถฉีดในตำแหน่งที่มีความละเอียดอ่อนสูงได้เป็นอย่างดี เช่น บริเวณใต้ตา เป็นต้นครับ
- ฟิลเลอร์สามารถฉีดเพื่อปรับโครงสร้างของใบหน้าให้เข้ารูปทรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เป็นอีกทางเลือกของคนไข้ที่กลัวเรื่องการผ่าตัดหรือกังวลเกี่ยวกับรอยแผลเป็นครับ
- ฟิลเลอร์สามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นหรือเพิ่มความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถคงผลลัพธ์ได้ในระยะเวลานาน หากฟิลเลอร์สลายไปเองตามธรรมชาติคนไข้สามารถกลับมาฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ ครับ
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท
ฟิลเลอร์นั้นมีหลายประเภท แต่ประเภทที่ใช้แล้วเห็นผลได้ดี และปลอดภัยจริง ๆ แล้วมีอยู่แค่ประเภทเดียวครับ ถึงอย่างไรก็ยังมีคนไข้ที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับฟิลเลอร์อยู่ว่าต้องใช้แบบไหน ผมบอกตรงนี้เลยนะครับว่าควรใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของทุกท่านนั่นเอง แต่ว่ามีวิธีเรียกชื่อฟิลเลอร์อยู่หลายแบบ และหลายประเภท จึงทำให้คนอาจไม่คุ้นหู ซึ่งมีประเภทที่เหลือดังนี้
- แบบชั่วคราว (Temporary filler)
ฟิลเลอร์แบบชั่วคราวนั้นสามารถอยู่ภายในร่างกายได้นานตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 2 ปีครับ สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ มีมาตรฐานรองรับ จึงมีความปลอดภัยสูง และเป็นที่นิยมมาใช้ในปัจจุบัน อย่างเช่นฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูโรนิค แอซิด(Hyaluronic Acid) ที่แพทย์ทั่วโลกให้การยอมรับนั่นเองครับ
- แบบกึ่งถาวร(Semi Permanent Filler)
ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนั้นจะสามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่าแบบชั่วคราวประมาณ 2-5 ปี โดยมีส่วนผสมของแคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์(Hydroxyapatite) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย เนื่องจากฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนั้นไม่สามารถสลายได้เองทั้งหมด จึงอาจทำให้มีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ และอาจส่งผลข้างเคียงได้ในระยะยาวครับ
- แบบถาวร(Permanent Filler)
ฟิลเลอร์แบบถาวรนั้นถูกจัดให้เป็นสารเติมเต็มประเภท ซิลิโคน หรือพาราฟิน หลังฉีดไปแล้วจะไม่สามารถดูดซึมฟิลเลอร์ไปได้ทั้งหมด ทำให้มีสารตกค้าง และไม่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือฟิลเลอร์ไหลย้อยผิดรูป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จึงไม่แนะนำให้ฉีดสารชนิดนี้ เนื่องจากถ้าคนไข้ต้องการนำออก อาจไม่สามารถเอาออกได้ทั้งหมดนั่นเองครับ
ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร
ฟิลเลอร์ปลอมส่วนใหญ่จะเป็นสารที่ใช้ในการเลียนแบบฟิลเลอร์แท้ ซึ่งมีหลายประเภท อย่างเช่น ซิลิโคนเหลว ไบโอพลาสติก พาราฟิน ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสารโพลิเมอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งของที่ทำมาจากพลาสติก ดังนั้นหากเข้าสู่ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมได้ทั้งหมดครับ
หากระยะเวลาผ่านไป ร่างกายจะทำการต่อต้านสารแปลกปลอมโดยอัตโนมัติ แต่ในช่วงแรกหลังฉีดอาจจะไม่ออกอาการมาก ร่างกายอาจรู้สึกเหมือนปกติ แต่ฟิลเลอร์ปลอมนั้นจะให้ผลในระยะยาว เนื่องจากไม่สามารถสลายได้ จึงอาจทำให้จับตัวเป็นก้อน จนกลายเป็นซิลิโคนเหลวที่เกาะฝังลึกไปในกระดูก ซึ่งมีโอกาสทำให้ใบหน้าเสียรูปไปเลยก็ได้ครับ
ผลกระทบจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
ฟิลเลอร์นั้นมีอยู่หลายประเภทซึ่งส่วนมากจะนิยมฉีดฟิลเลอร์แท้เนื่องจากมีความปลอดภัยแพทย์ให้การยอมรับจากทั่วโลก และมีมาตรฐานรับรองจากอย. แต่ก็ยังมีคนไข้อีกหลายรายที่ไม่ทราบเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ว่ามีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งแบบซิลิโคนเหลวหรือแบบที่เป็นฟิลเลอร์แต่ไม่บริสุทธิ์ จึงทำให้ผลกระทบได้ดังนี้ครับ
- ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะเกิดอาการแพ้ได้ง่ายจนเป็นผื่นแดงทำให้รู้สึกคันตลอดเวลา
- สามารถเกิดการอักเสบ ติดเชื้อหรือเป็นหนองบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมมา เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่มีมาตรฐาน จึงเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ง่ายครับ
- เกิดการอุดตันในเส้นเลือดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมมา เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน ยกตัวอย่างฉีดฟิลเลอร์ปลอมบริเวณใต้ตา อาจมีโอกาสเสี่ยงรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ครับ
- หากปล่อยฟิลเลอร์ปลอมไว้ในร่างกายสักระยะหนึ่ง ฟิลเลอร์จะเริ่มเกาะแน่นกับกระดูกบริเวณที่ฉีด จนจับตัวเป็นก้อน เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมจะไหลลงมารวมกัน ส่งผลให้ใบหน้าเสียรูปทรงได้ครับ
ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมความสวยความมั่นใจให้กับตัวเองนั้นไม่ผิด แต่เพียงต้องศึกษาข้อมูลให้อย่างละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่จะนำมาฉีด เพื่อความปลอดภัย และความพึงพอใจของตัวคนไข้เองนะครับ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ถึงจะปลอดภัย
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ดีนั้นไม่ได้ดูแค่ยี่ห้อของฟิลเลอร์เท่านั้นนะครับ แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ควรตระหนักด้วย เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมาว่าจะส่งผลดีหรือไม่ เพื่อความปลอดภัย และความพึงพอใจของคนไข้ โดยมีปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- การเลือกสถานพยาบาล
สถานพยาบาลต้องมีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐานผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีสถานที่ตั้งอยู่จริง มีที่จอดรองรับผู้ใช้บริการ ทำให้เกิดความสะดวก และสถานพยาบาลดังกล่างต้องสามารถติดต่อได้ทุกกรณี และมีรายละเอียดที่อยู่อย่างชัดเจนครับ
- แพทย์มีประสบการณ์
แพทย์ต้องมีประสบการณ์ความน่าเชื่อถือ สามารถวิเคราะห์ ประเมินรูปหน้าของคนไข้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และเลือกใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ได้ตรงจุดเหมาะกับคนไข้ที่มาเข้ารับใช้การบริการ
- รีวิวคนไข้
รีวิวของคนไข้ที่มาใช้บริการจริง ถือเป็นอีกปัจจัยที่สามารถทำให้สถานพยาบาลมีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งส่งผลให้คนไข้หลายอื่น เกิดความเชื่อมั่นในการเข้ารับการรักษาครับ
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
ฟิลเลอร์นั้นมีอยู่หลากหลายยี่ห้อครับ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นที่แตกต่างกันไปในการให้ผลลัพธ์หลังฉีด เนื่องจากผิวของคนไข้แต่ละจุดไม่เหมือนกันการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ตรงคุณสมบัติจึงเป็นสิ่งจำเป็นครับ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก แนะนำฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับความนิยมจาก 4 ประเทศดังนี้ครับ
- JUVEDERM
ฟิลเลอร์ juvederm เปฺ็นฟิลเลอร์ที่มีเทคโนโลยี hylacross นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แพทย์นิยมนำมาใช้เพื่อปรับรูปหน้า เนื่องจากฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น ทนต่อการขยับ และมีจุดเด่นเรื่องพัฒนาให้ฟิลเลอร์มีเนื้อเจลที่เรียบเนียน เป็นฟิลเลอร์กลุ่ม ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก US FDA และอย. ประเทศไทย นำเข้าโดย บริษัท Allergan Thailand โดยมีทั้งหมด 6 รุ่น ดังนี้
- Juvederm Ultra Plus
ฟิลเลอร์ Juvederm Ultraplus เนื้อเจลมีลักษณะนิ่ม และฟูมากเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาร่องลึก จากการเปลี่ยนแปลงตามวัย สามารถฉีดบริเวณ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หลังฉีดจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ในร่างกายได้นานกว่า 12 เดือนครับ
- Juvederm Voluma
ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma เนื้อเจลมีลักษณะแข็ง และฟูปานกลาง ฟิลเลอร์มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับแก้ปัญหาบริเวณ ใต้ตา ร่องแก้ม คาง และขมับ ได้ตามเทคนิคของแพทย์ สามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 18 เดือนครับ
- Juvederm Volift
ฟิลเลอร์ Juvederm Volift เนื้อเจลมีลักษณะนิ่ม และละเอียดจึงเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีผิวเปราะบาง นิยมนำมาฉีดบริเวณ ใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก หลังฉีดสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 12 เดือนครับ
- Juvederm Volite
ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เนื้อเจลมีลักษณะละเอียด เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตาหรือผิวชั้นตื้น ช่วยบำรุงความชุ่มชื้น คนไข้ที่มีผิวบางแต่ไม่มากสามารถฉีดได้ หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือนครับ
- Juvederm Volbella
ฟิลเลอร์ Juvederm Volbella เนื้อเจลมีลักษณะนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็ก และละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับการเติมบริเวณหน้าผากให้เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ คงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 12 เดือนครับ
- Juvederm Volux
ฟิลเลอร์ Juvederm Volux เนื้อเจลมีลักษณะแข็ง และมีโมเลกุลขนาดใหญ่จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย คงรูปได้นานที่สุด เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ คาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มชั้นลึก อยู่ในร่างกายได้นานถึง 18-24 เดือนครับ
- RESTYLANE
ฟิลเลอร์ Restylane เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ใช้สารเติมเต็มกลุ่ม ไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่นำเข้ามาจากประเทศสวีเดน ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่มีความโดดเด่นอย่าง NASHA techology และOBT technology ผลิตโดยบริษัท Galderma ผ่านการรับรองจาก FDA โดยมีอยู่ทั้งหมด 8 รุ่นดังนี้
- Restylane Defyne
Restylane Defyne เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ที่มีเนื้อเจลลักษณะนิ่มปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง นิยมนำมาฉีดบริเวณ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือเสริมโหนกแก้ม สามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 18 เดือนครับ
- Restylane Vital Light
Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลนิ่มที่สุด เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาจุดที่เล็กน้อย เนื่องจากฟิลเลอร์มีความนิ่มจึงสามารถฉีดบริเวณ ใต้ตา และริมฝีปากได้ อยู่ในร่างกายได้นานถึง 6-12 เดือนครับ
- Restylane Perlane Lyft
Restylane Perlane Lyft เป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ ใต้ตา จมูกหรือแก้ม อยู่ในร่างกายได้นานถึง 12 เดือนครับ
- Restylane Volyme
Restylane Volyme เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีลักษณะแข็งปานกลาง ฟูสวยเน้นการเติมเต็ม เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ แก้ม และขมับ อยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 18 เดือนครับ
- Restylane Vital
Restylane Vital เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีลักษณะนิ่ม เหมาะสำหรับแก้ปัญหา หลุมสิว สามารถฉีดบริเวณหน้าผาก และหลังมือให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้ อยู่ในร่างกายได้นานกว่า 8 เดือนครับ
- Restylane Classic
Restylane Classic เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีลักษณะแข็งปานกลาง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก หรือร่องรอยคิ้วขมวดอยู่ในร่างกายได้นาน 8 -12เดือนครับ
- Restylane Refyne
Restylane Refyne เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีลักษณะละเอียดโมเลกุลเล็ก และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีผิวบอบบาง สามารถฉีดบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และช่วยลดริ้วรอยได้ คงอยู่ในร่างกายได้นาน 8-12เดือน
- Restylane Kysse
Restylane Kysse เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีลักษณะนิ่มไม่เป็นก้อน รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษเหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ สามารถปรับรูปทรงปาก และเติมความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก คงผลลัพธ์ในร่างกายได้ประมาณ 12 เดือนครับ
- BELOTERO
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์แท้จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ belotero ขึ้นชื่อในเรื่องความยืดหยุ่น นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ จำกัด ผ่านการรับรองจากอย. สหรัฐอเมริกา ยุโรปและไทย โดยมีทั้งหมด 4 รุ่นที่มีลักษณะจุดเด่นอยู่ที่สีกล่องบรรจุภัณฑ์ดังนี้
- Belotero Intense(สีชมพู)
Belotero Intense เป็นฟิลเลอร์ที่มีจุดเด่นในเรื่องความคงตัวสูง และยืดหยุ่นได้ดีเหมาะสำหรับฉีดบริเวณ ร่องแก้ม ช่วยเสริมแก้มตอบ อยู่ในร่างกายได้นานถึง 18 เดือนครับ
- Belotero Volume(สีม่วง)
Belotero Volume เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลลักษณะแข็ง มีความยืดหยุ่น และคงตัวได้นาน เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตา คาง โหนกแก้ม ขมับ นิยมนำมาใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน และดูอ่อนเยาว์ลง สามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 18 เดือนครับ
- Belotero Soft(สีเหลือง)
Belotero Soft เป็นฟิลเลอร์ที่มีจุดเด่นตรงเนื้อเจลมีขนาดโมเลกุลเล็ก ช่วยเก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ดี เหมาะสำหรับฉีดบริเวณรอบ ๆ ดวงตา เช่น ใต้ตา รอยตีนกา ริ้วรอยหางตา หน้าผากย่น และปากตกร่อง สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน 6-12 เดือนครับ
- belotero balance(สีส้ม)
belotero balance เป็นฟิลเลอร์ที่มีจุดเด่นในเรื่องปรับร่องลึกให้ดูตื้น ลดริ้วรอยให้ดูจากลง และเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นระหว่างคิ้ว และริมฝีปาก สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน 12-18 เดือนครับ
- NEURAMIS
ฟิลเลอร์ neuramis ถูกจัดอยู่ในประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด Hyaluronic Acid (HA) นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Medyglobal ประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้ง KFDA จากเกาหลี, U.S.FDA จากสหรัฐอเมริกา EDQM จากยุโรป และอย.ไทย เป็นฟิลเลอร์ที่กำลังได้รับความนิยมเนื่องจากมีราคาถูกเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้
- Neuramis Deep
Neuramis Deep เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีลักษณะแข็งปานกลาง สามารถขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใบหน้า เพื่อเติมเต็มร่องต่าง ๆ ได้หลายจุดเช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก อยู่ในร่างกายได้นาน 6-8 เดือนครับ
- Neuramis Deep Lidocaine
Neuramis Deep Lidocaine เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีความแข็งปานกลาง และมีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับการฉีดเติมเต็มส่วนต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น หน้าผาก คาง ริมฝีปาก แก้ม และอยู่ในร่างกายได้นาน 6-8 เดือนครับ
- Neuramis Volume Lidocaine
Neuramis Volume Lidocaine เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีความแข็งกว่าทุกรุ่น มีความยืดหยุ่น คงตัว ขึ้นทรงได้สวยแต่กลืนกับผิวได้ดี เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ ร่องแก้มข้างจมูก แก้มตอบ คาง สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน 12-24 เดือนครับ
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร
การฉีดฟิลเลอร์ กลายเป็นทางเลือกในการปรับรูปหน้าที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องพักฟื้นหลังฉีด ซึ่งส่วนมากการฉีดฟิลเลอร์จะใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถปรับรูปหน้าได้ตามความพึงพอใจ และสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
แต่ก็ไม่ได้มีคนไข้ที่จะโชคดีจากการฉีดฟิลเลอร์เสมอไปครับ เพราะพบว่าหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน แต่จริง ๆ แล้วเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้ครับ
- ประสบการณ์ของแพทย์
ประสบการณ์ของแพทย์ถูกจัดให้เป็นสาเหตุหลัก ๆ เนื่องจากพบว่าแพทย์ที่มาฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่มีประสบการณ์ และเทคนิคในการฉีดไม่ดี ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้ครับ
- ปริมาณฟิลเลอร์&ชนิดฟิลเลอร์
ยี่ห้อของฟิลเลอร์ต้องมีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด อย่างเช่น ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลหนาแน่นสูง ควรฉีดในผิวหนังระดับลึก หากใช้ผิดประเภท เวลาขยับหน้าหรือแสดงสีหน้า จะทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน ส่วนปริมาณของฟิลเลอร์ต้องมีความเหมาะสม ไม่ควรฉีดมากจนเกินความจำเป็นครับ
- ฟิลเลอร์ปลอม
หากคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งฟิลเลอร์ปลอมส่วนใหญ่ไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ต่อให้ราคาถูกแต่ไม่มีประสิทธิภาพ ฟิลเลอร์ปลอมนั้นจะส่งผลในระยะยาว ในช่วงแรกอาจดูเรียบเนียน แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ฟิลเลอร์จะสามารถไหลย้อนจนผิดรูปไม่เป็นทรง และอาจเป็นอันตรายถึงขั้นร้ายแรงได้ถ้าไม่รีบรักษาครับ
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย.
ในปัจจุบันนั้นมีฟิลเลอร์ที่สามารถฉีดได้หลายยี่ห้อ แต่ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานผ่าน อย. ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)เท่านั้น โดยในแต่ละปีจะมีฟิลเลอร์ยี่ห้อใหม่ เพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช้ทุกยี่ห้อจะผ่าน อย. คนไข้จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจฉีดนะครับ ถึงอย่างไรก็ยังมีฟิลเลอร์ที่แพทย์ทั่วโลกให้การยอมรับ และใช้มาอย่างต่อเนื่องดังนี้
- Juvederm
แบรนด์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา บอกเลยว่าการันตีคุณภาพมาอย่างยาวนาน ซึ่งฟิลเลอร์ juvederm นั้นมีหลายรุ่นแพทย์จึงนิยมนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เพราะแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน สามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับใบหน้าคนไข้ได้ครับ
- Restylane
ฟิลเลอร์ restylane ได้รับอนุญาตให้สามารถฉีดได้ในประเทศไทยอย่างถูกต้องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายรุ่น เนื่องจากเป็นที่นิยมจึงอาจมีการลอกเลียนแบบ ฉะนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ดีหากฉีดของปลอม จะไม่สามารถการันตีความปลอดภัยให้คนไข้ได้นะครับ
- Belotero
belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กำลังได้รับความนิยม เพราะราคาไม่แพงทำให้คนไข้สามารถจับต้องได้ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology เป็นการผลิตแบบพิเศษที่มีแค่ยี่ห้อนี้เท่านั้นครับ
- Perfectha
ฟิลเลอร์ Perfectha ปัจจุบันพึ่งที่ได้รับการยอมรับให้เป็นยี่ห้อที่ใช้ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง จัดจำหน่ายโดย บริษัท Interpharma ในประเทศไทยครับ
- Neuramis
ฟิลเลอร์ Neuramis เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ถูกใจหนุ่มสาว เนื่องจากราคาย่อมเยา สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด ซึ่งผลิตจากบริษัท Medyglobal ที่ได้มาตรฐานของฟิลเลอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันครับ
- Revanesse
Revanesse เป็นฟิลเลอร์สัญชาติ แคนนาดา โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก Thixofix technology ทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง คงทน ละมุน และดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย.เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ฟิลเลอร์แท้ดูยังไง
คนไข้ท่านใดที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับวิธีการดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อดูยังไง เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้อย่างคราว ๆ และทำให้คนไข้เกิดความมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นของแท้ ให้ทำการสังเกตจาก เลขทะเบียนอย. เอกสารกำกับภาษาไทย เลข lot ที่กล่องเป็นต้นครับ โดยมีวิธีตรวจสอบดังนี้
- ทุกครั้งก่อนแกะกล่องให้สังเกตว่า กล่องนั้นปิดสนิทไม่เคยผ่านการแกะมาก่อนทั้ง 2 ด้าน
- ที่กล่องฟิลเลอร์จะมีหมายเลข Lot หรือวันที่ผลิต วันหมดอายุ และเลขอ้างอิง บริเวณด้านบนซ้ายของกล่อง ในบรรจุภัณฑ์ต้องมีเข็ม Spring ฟิลเลอร์ในกล่อง รวมถึงสติ๊กเกอร์ และเข็มฉีดฉีดฟิลเลอร์ครับ
- ด้านบน และด้านหลังกล่องฟิลเลอร์จะมีสัญลักษณ์ คำเตือนสีแดงที่ระบุว่า “เป็นยาควบคุมพิเศษและยาอันตราย”กำกับอยู่ทุกกล่องครับ
- ต้องมีชื่อบริษัทที่ผลิต บริษัทที่นำเข้า ทั้งบนกล่อง และแพ็คเกจบรรจุข้างในกล่องครับ
- เมื่อแกะกล่องบรรจุภัณฑ์จะต้องมีฉลากภาษาไทย และภาษาอังกฤษประกอบอยู่ด้วย ส่วนเข็มSpring ฟิลเลอร์ และเข็มฉีดยาต้องปิดอย่างสนิท
- เข็ม Spring ฟิลเลอร์นั้นจะมีฝาเกลี่ยวสีดำปิดอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการยืนยันว่ายังไม่เคยใช้งานมาก่อนนั่นเองครับ
*อันนี้เป็นกรณีศึกษาของกล่องฟิลเลอร์ JUVEDERM *
ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานอย. หรือฟิลเลอร์แท้ปกติจะสามารถอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณที่คนไข้ฉีดด้วยครับ แล้วฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไปได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมต่อผิวหนังที่ทำให้ฟิลเลอร์ไม่เกิดการเคลื่อนที่ และไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ซึ่งเป็นข้อดีของฟิลเลอร์ เพราะมีกรณีที่คนไข้ไม่พึงพอใจต่อผลลัพธ์ เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์จะเข้าที่หรือยุบลง แถมยังไม่มีสารตกค้างในร่างกายอีกด้วยครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง
ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ยังมีปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเตรียมก่อนอยู่นะครับ ซึ่งเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำตามได้สบาย ๆ ครับ โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้
- ควรงดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพรินหรือยากลุ่มต้านการอักเสบ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำหลังฉีดครับ
- งดรับประทานวิตามินทุกชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันภาวะเลือดหยุดไหลยากนั่นเองครับ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ประมาณ 2-3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการสูบฉีดของเลือดระหว่างรับการรักษาครับ
- หากอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกกรณีครับ เพื่อควบคุมการเกิดอันตรายครับ
- งดการรับประทานอาหารหมักดอง หรือของกึ่งดิบกึ่งสุกเพราะสามารถกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งทำให้เลือดแข็งตัวช้า ในระหว่างฉีดฟิลเลอร์ครับ
ถึงอย่างไรการฉีดฟิลเลอร์ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ ทักษะ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ เนื่องจากฉีดในตำแหน่งที่มีความอันตรายอย่าง ใต้ตา ฉะนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องมีเทคนิคเฉพาะสูง หากแพทย์ไม่มีทักษะอาจมีโอกาสเป็นก้อน และทำให้ไม่พอใจในผลลัพธ์ครับ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ทำอย่างไร
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์นั้นขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการประเมินโครงหน้า หรือวิเคราะห์ใบหน้า เพื่อใช้ประกอบการเลือกยี่ห้อของฟิลเลอร์ ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่แพทย์นำมาใช้ครับ แต่ถ้าเป็นขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์พื้นฐานจะมีอยู่ดังนี้
- ก่อนตัดสินใจคนไข้ควรเข้ามาพบแพทย์ เพื่อทำการปรึกษาในการประเมินหน้า เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ครับ
- หลังจากประเมินเสร็จแพทย์จะเลือกชนิดหรือยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้ โดยแพทย์จะเป็นคนแนะนำให้กับคนไข้ด้วยตัวเองครับ
- ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะให้คนไข้ ตรวจสอบว่าฟิลเลอร์เป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งแพทย์จะทำการแกะกล่องให้ดูต่อหน้า และให้คนไข้ตรวจสอบว่าเป็นของแท้จริง ๆ ครับ
- แพทย์ที่มีประสบการณ์ 5-10 ปี จะเริ่มจากการแปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีดฟิลเลอร์ แต่มีฟิลเลอร์บางยี่ห้อที่มีส่วนผสมของยาชาอยู่แล้วทำให้ไม่ต้องแปะยาชาครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะแนะนำขั้นตอนการดูแลรักษา ซึ่งคนไข้ควรปฏิบัติตามทุกขั้นตอนเพื่อผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้อย่างยาวนานนั่นเองครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะไม่นัดมาตัดไหมเนื่องจากฟิลเลอร์แท้นั้นสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
ผลข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์
ผลข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์เกิดได้จากหลายปัจจัยครับ ซึ่งส่วนมากจะสามารถหายเป็นปกติได้เอง โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำหรือคันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาได้ครับ และอาจมีรอยเข็มเล็ก ๆ ในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์มา แต่รอยดังกล่าวจะค่อย ๆ จางลงเมื่อผ่านไป 2-3 วันครับ
ถึงอย่างไรก็ตามหากฟิลเลอร์ที่ฉีดควรเป็นฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ 5-10 ปี จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์เกิดผลข้างเคียงได้น้อยที่สุด อีกทั้งยังสามารถเห็นผลลัพธ์ของความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด จึงทำให้คนไข้ส่วนใหญ่เกิดความพึงพอใจหลังเข้ารับบริการครับ
แต่ถ้าเกิดผลข้างเคียงนอกเหนือจากที่ผมกล่าวมาไม่ว่าจะเป็น เจ็บปวดบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง ฟิลเลอร์เกิดไหลย้อนจนเป็นก้อนทำให้เสียรูปทรง มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ จนกระทั่งเกิดการติดเชื้อ ขอแนะนำให้รีบกลับไปรักษาให้หายเป็นปกติ สาเหตุอาจมาจากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือใช้เทคนิคในการฉีดผิดวิธีจึงทำให้เกิดผลข้างเคียงได้นั่นเองครับ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง
หลังจากฉีดฟิลเลอร์คนไข้จะเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีก็จริงครับ แต่การจะรักษาให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลของคนไข้แล้วว่าทำอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องมากแค่ไหน โดยแพทย์ให้คำแนะนำให้ปฏิบัติตามดังนี้
- หากบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มามีอาการบวมช้ำ สามารถใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งหรือผ้าเย็นทำการประคบเบา ๆ บริเวณที่ฉีดมาได้ ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการบวมลงนั่นเองครับ
- พยายามหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น การซาวน่า การออกกำลังกายหนัก ๆ การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการเลเซอร์ เพราะเป็นสาเหตุที่สามารถทำให้ฟิลเลอร์สลายไปได้เร็วขึ้นครับ
- หลีกเลี่ยงการ แตะ นวด เกา คลึง หรือบีบทุกกรณี เนื่องจากอาจทำฟิลเลอร์ผิดรูปทรงได้ครับ
- งดการแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาจมีสารปนเปื้อนซึมไปยังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาครับ
- แพทย์แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่ามากกว่าปกติ เพราะจะสามารถเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำ และฟูมากยิ่งขึ้นครับ
- แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่งเท่านั้นหากมีอาการปวดครับ
- งดการขยับใบหน้า หรือแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ครับ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์บริเวณที่ฉีดมานั้นเสียรูปทรงได้ครับ
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม
โดยปกติแล้วฟิลเลอร์แท้จะมีความปลอดภัยสูง และไม่เป็นอันตรายครับ เนื่องจากมีการรับรองผ่าน อย.ไทย ว่าสามารถใช้รักษาคนไข้เพื่อความสวยความงามได้ครับ อีกทั้งฟิลเลอร์แท้ยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% และไม่มีสารตกค้าง จึงทำให้ฟิลเลอร์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอนครับ
ถึงอย่างไรก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ครับ แต่จะอยู่ในปัจจัยอื่นดังนี้
- แพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ไม่เชี่ยวชาญหรือขาดประสบการณ์ และไม่มีความรู้ในเรื่องกายวิภาค เป็นอีกหนึ่งงสาเหตุที่ทำให้เกิดฉีดฟิลเลอร์ดูอันตรายได้ครับ
- สถานพยาบาลที่ไปใช้บริการมีสภาพไม่สะอาด ดูสกปรกทั้งภายใน และภายนอก รวมถึงไม่มีการต้อนรับที่ดี ก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ดูอันตรายได้ครับ
- ใช้ฟิลเลอร์ลอกเลียนแบบของแท้ หรือฟิลเลอร์ปลอมในช่วงแรกหลังฉีดคนไข้อาจพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ฟิลเลอร์จะไม่สามารถสลายไปได้เองครับ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงบริเวณที่ฉีดมาได้ครับ เช่นฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจส่งผลให้ตาบอดได้ถาวรครับ
ฉะนั้นคนไข้จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ควรไปทำที่สถานพยาบาลชั้นนำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ รวมถึงใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย.อย่างถูกต้อง จะทำให้ฟิลเลอร์ไม่มีอันตรายเลยครับ