ดูดไขมัน ดูดไขมันหน้าท้อง ดูดไขมันเหนียง ราคาเท่าไหร่ (Body Liposuction)
ดูดไขมัน ดูดไขมันหน้าท้อง ดูดไขมันเหนียง ราคาเท่าไหร่ (BODY LIPOSUCTION) คืออะไร?
การดูดไขมัน Body Vaser Liposuction คือ เทคนิคการใช้พลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ Ultrasound เข้าไปสลายไขมันบริเวณ หน้าท้อง, ต้นขา, ต้นแขน และบริเวณตัว ทำให้ก้อนไขมันแตกตัวออกและสลายกลายเป็นของเหลวใต้ผิวหนัง จากนั้นทำการดูดออกอย่างนุ่มนวลและง่ายดาย โดยไม่ทำความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบ เช่น เส้นเลือดเส้นประสาทและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีความบอบช้ำน้อย มีการฟื้นตัวเร็วหลังการรักษาทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี คลื่นอัลตร้าซาวด์นั้นเป็นคลื่นพลังงานที่มีความปลอดภัยสูง เป็นที่นิยมใช้ในวงการแพทย์มานานหลายปีทั้งในเรื่องความงามและการรักษาโรค โดยล่าสุดคือการนำมาใช้กำจัดไขมันส่วนเกินและกำลังเป็นที่นิยมสูงขึ้นในปัจจุบันนี้
การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การกำจัดไขมันเฉพาะจุด ในบริเวณที่ลดได้ยาก ไม่สามารถเอาออกได้ด้วยวิธีการลดน้ำหนัก หรือการคุมอาหาร และการออกกำลังกายเพียงวิธีใดวิธีหนึ่ง เพราะใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงค่ะ
โดยแพทย์อาจประเมินลักษณะรูปร่างของคนไข้ ว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหนก่อนเริ่มทำหัตถการเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิดออกมาจากบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา สะโพก หน้าท้อง คอ ก้น เป็นต้น สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังทำ และเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินได้อย่างตรงจุดที่สุด
ถึงอย่างไรก็ตามการศัลยกรรมดูดไขมันเฉพาะส่วนนั้น ไม่ใช่การลดน้ำหนักแบบที่ใครหลายคนเข้าใจนะคะ แนะนำให้คนไข้เข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรงก่อนตัดสินใจจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีตามความต้องการของคนไข้นั่นเองค่ะ
เรื่องที่ควรรู้ก่อนทำการดูดไขมัน
- การดูดไขมันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพร่างกาย เพียงแค่ช่วยปรับความกระชับ ลดปัญหาหุ่นพังเฉพาะส่วน
- คนไข้อาจรู้สึกเจ็บระหว่างดูดไขมันได้
- อาจมีผลข้างเคียงอย่างอาการเจ็บ บวมช้ำ ในระยะยาวหลังจากดูดไขมัน (กรณีแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ หรือคนไข้ไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด)
- ต้องใช้เวลาในพักฟื้นร่างกายสักระยะ จึงทำให้อาจต้องลางาน หรือหาวันหยุดยาวไปทำ
- มีโอกาสที่จะเกิดผิวไม่เรียบ หย่อนคล้อยได้ (เกิดได้จากคนไข้ที่มีรูปร่างใหญ่ หรือมีไขมันสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก อาจส่งผลทำให้การดูดออกมาแล้ว ผิวหนังไม่กระชับได้ค่ะ)
บริเวณไหนบ้าง? ที่คนนิยมดูดไขมันส่วนเกิน
การดูดไขมันด้วยเทคนิคนี้ยังได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก เนื่องจากมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงเป็นการปรับรูปร่างให้มีความสวยงาม สัดส่วนกระชับ และยังทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ได้รับการรับรองจาก US FDA สามารถทำได้หลายส่วนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง, รอบเอว, สะโพก, ต้นขา, ต้นแขน, น่องและปีกหลัง แต่การทำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยนั้น ต้องประกอบไปด้วปัจจัยร่วมกันทั้งแพทย์ผู้มีประสบการณ์รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ต้องได้มาตรฐาน
ไขมันส่วนเกินเป็นปัญหาที่ใครหลาย ๆ คนกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง บางครั้งการออกกำลังกายมักเห็นผลไม่ทันใจในเวลาที่เราต้องการอวดเรือนร่าง เช่น การออกงานสำคัญ และงานแต่งงานของตัวเอง ดังนั้นเราจะปล่อยให้ตัวเองไม่มีความมั่นใจไม่ได้ การดูดไขมันจึงเป็นทางออกที่ใช้ในการแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด มาดูกันดีกว่าค่ะว่าจุดไหนที่คนนิยมกำจัดไขมันบนร่างกาย
- เหนียง เป็นจุดที่มีไขมันหนาแน่นเท่าบริเวณอื่น ๆ แต่สามารถกำจัดได้ยาก เพราะเป็นบริเวณที่เราไม่สามารถออกกำลังกายเพื่อเปลี่ยนไขมันมาเป็นกล้ามเนื้อได้
- ต้นแขน เป็นจุดยอดนิยมในการดูดไขมัน เพราะเป็นส่วนที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนบนร่างกาย หากดูแลตัวเองไม่ดีพอ ไม่มีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ต้นแขนก็อาจมีอาการหย่อนคล้อยบ้าง
- หน้าท้อง เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดและมีไขมันหนาแน่นที่สุดบนร่างกาย โดยเหมาะกับผู้ที่มีหน้าท้องยื่น หย่อนคล้อย หรือมีน้ำหนักมากเกินมาตรฐานและลดลงมาภายระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งการออกกำลังกายก็ไม่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ในบางจุดและไม่สามารถกระชับผิวหน้าท้องได้ด้วยตนเอง จึงต้องอาศัยแพทย์เข้ามาช่วย
- สะโพก เป็นการดูดไขมันส่วนเกินบริเวณสะโพก มักเป็นที่นิยมสำหรับสาว ๆ ที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก เวลาใส่กางเกง เนื้อจะปลิ้น ดูไม่สวยงาม หากไม่ดูแลหุ่นอย่างสม่ำเสมอ สะโพกสามารถขยายออกไปได้อีกเรื่อยๆ ควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับการดูดไขมัน
- ต้นขา เป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากแม้ควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วก็ตาม ปัญหาสำหรับไขมันบริเวณต้นขา คือ ขาเบียด เวลาเดินแล้วผิวหนังเสียดสีกัน ทำให้เกิดความคล้ำเพิ่มขึ้นอีกด้วย
การดูดไขมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้นเพื่อนๆควรออกกำลังกายและควบคุมอาหารควบคู่กันไปด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ถาวร เพราะไขมันเมื่อดูดไปแล้วก็สามารถกลับมาได้ใหม่เช่นกัน หากเรายังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเดิมๆอยู่
ดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง
คนที่เหมาะกับการดูดไขมันคือ ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย โดยไขมันที่ดูดจะเป็นไขมันที่อยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง ไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย แต่ไขมันมีผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเพียงเท่านั้น ทำให้เราดูอ้วน ไม่มั่นใจ หลาย ๆ คนจึงมักเลือกดูดไขมัน แต่ใครกันบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันมีดังนี้
- คนที่มีน้ำหนักตัวน้อยแต่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน เช่น รูปร่างเล็กแต่มีต้นขา หรือต้นแขนที่ใหญ่ ผอมแต่มีพุงยื่นออกมา ทำให้ร่างกายไม่สมส่วน เป็นต้น
- มีไขมันบริเวณแก้มเยอะ มีคางสองชั้น และกรอบหน้าดูไม่ค่อยชัดเจน
- ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย แต่ต้องการมีหุ่นสวยกระชับแบบเร่งด่วน
- คนที่ไม่ได้อ้วนทั้งตัว แต่มีการสะสมของไขมันเฉพาะส่วนอยู่ในปริมาณมาก
- คนที่มีไขมันสะสม ไม่สามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกาย และการคุมอาหาร จะเหมาะสำหรับการดูดไขมันเพื่อกระชับสัดส่วนค่ะ
- คุณแม่ที่มีหน้าท้องหย่อนยาน หรือผิวหนังย้วยหลังจากคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ อาจเหมาะกับการดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง เพื่อกระชับสัดส่วนให้กลับมาปกติแนะนำให้ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารไปพร้อมกันค่ะ
ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมัน
เมื่อมีกลุ่มคนที่เหมาะกับการดูดไขมันแล้ว เดียวจะพาไปดูลักษณะของคนที่ไม่ควรกำจัดไขมันส่วนเกินกันบ้าง เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง และป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นไปดูกันว่ามีอะไรบ้างตามนี้
- คนที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการผ่าตัด และการฟื้นตัวหลังทำ : เช่น โรคความดันสูง, โรคเบาหวาน, โรคภูมิแพ้ตัวเอง, โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคเลือดบางชนิด เนื่องจากสามารถส่งผลต่อการฟื้นตัว และกระตุ้นภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่ายนั่นเองค่ะ
- คนที่เป็นโรคซึมเศร้า และอยู่ในช่วงรักษาตัว : การใช้ยาบางชนิดที่กำลังรักษาตัวอยู่นั้น อาจทำให้ฤทธิ์ของยาชาเฉพาะที่ไม่ได้ผล แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้คนไข้ทำการงดยาก่อนเข้าทำหัตถการ และต้องผ่านการวินิจฉัยกับจิตแพทย์อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เองค่ะ
- คนที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรืออ้วนมาก (BMI > 30) : การกำจัดไขมันในแต่ละครั้ง สามารถดูดได้สูงสุดไม่เกิน 10 ลิตร ดังนั้นถ้าน้ำหนักตัวคนไข้ยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด แม้จะผ่านการดูดไขมันไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสกลับมาอ้วนได้อีกครั้งค่ะ ยิ่งเป็นกรณีที่ต้องทำการลดไขมันเฉพาะจุด จึงเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักคงที่
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหลังทำ : จริง ๆ แล้วสิ่งสำคัญที่คนไข้ควรรู้เป็นลำดับแรกเลย คือ การทำศัลยกรรมทุกอย่างต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อน และหลังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์จากการรักษาไปในทางที่ดี
- คนที่มีผิวหนังหย่อนคล้อย : การดูดไขมันจะยิ่งทำให้เห็นความหย่อนคล้อย ถึงแม้จะมีเทคโนโลยี หรือเครื่องมือที่ช่วยในการยกกระชับ แต่จะสามารถช่วยได้เพียงเล็กน้อยประมาณ 30 – 50 % เท่านั้น
ทำไมต้องดูดไขมันหน้าท้องที่รพ.มาสเตอร์พีช
เนื่องจากการดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยวิธีนี้ปลอดภัยได้มาตรฐานโรงพยาบาล โดยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งและวิสัญญีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ทำให้เจ็บน้อยฟื้นตัวเร็ว ซึ่งการดูดเอาไขมันออกไปนั้นเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกิน ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะเป็นการสลายไขมันส่วนเกินที่มีอยู่ในร่างกายบริเวณจุดต่าง ๆ ออกไปทำให้รูปร่างมีสัดส่วนมากขึ้น
ข้อดีของการดูดไขมันที่มาสเตอร์พีช
- ขนาดลดลงอย่างชัดเจน นำไขมันออกมาได้ในปริมาณจริง
- สามารถลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้โดยตรง
- แผลเล็กมาก แพทย์สามารถซ่อนแผลได้อย่างดีเยี่ยม
- ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยทำให้เลือดออกน้อยจึงมีการพักฟื้นที่รวดเร็ว
- ไม่เจ็บขณะทำเนื่องจากมียานอนหลับ
- สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนที่ไม่ต้องการได้ ทำให้สัดส่วนของรูปร่างเหมาะสม หรือมีความสมดุลแลดูสวยงามตามที่ต้องการ
- ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงหลังจากการทำศัลยกรรม
- ช่วยให้คนไข้ขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกมากขึ้น
- เห็นถึงสัดส่วนที่เล็กลงในทันทีหลังทำหัตถการ
- รอยแผลจากการผ่าตัดมีขนาดเล็ก จึงไม่ทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็น
- สามารถนำไขมันที่ดูดออกมาไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดได้ค่ะ
- ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับหนุ่มสาว จากหุ่นที่ดูกระชับได้รูปทรงมีสัดส่วนที่ชัดเจนค่ะ
พบกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Vaser Liposuction 2.2 เครื่องดูดไขมันส่วนเกินที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ด้วยระบบการใช้คลืนพลังงาน Ultrasound ในการสลายเซลล์ไขมันแบบเฉพาะเจาะจง พร้อมด้วยหัวดูดแบบ Smooth ที่สามารถรักษาเซลลูไลท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังสร้างรูปร่างแบบ High Definition ทำให้สามารถสลายไขมันได้อย่างแม่นยำ และลดอาการบาดเจ็บระหว่างทำ หลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณอื่น อาทิเช่น เส้นเลือด เส้นประสาท ทำให้เกิดการบาดเจ็บน้อย และลดระยะเวลาในการดูดไขมัน นอกจากนี้ยังมีระบบ Fat Transfer ที่สามารถปรับตั้งค่าในการกักเก็บไขมันเพื่อประสิทธิภาพในการคงอยู่ของเซลล์ไขมันเมื่อนำไปฉีดแก้ไขส่วนที่บกพร่อง
ข้อดีของนวัตกรรม VASER LIPOSUCTION 2.2 DEF-HI
- หัวดูดแบบ Smooth เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเซลลูไลท์ หมดปัญหาผิวหนังเป็นคลื่นหลังทำการรักษา
- มีประสิทธิภาพดีกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นเก่า ถึง 30%
- ระบบ Fat Transfer ที่สามารถปรับตั้งค่าในการกักเก็บไขมันเพิ่มจำนวนการอยู่รอดของเซลล์ไขมัน สามารถนำไปฉีดเพื่อเติมเต็มจุดบกพร่องต่อได้ในทันที
- ใช้ระยะในการดูดไขมันต่อ 1 จุดเพียงไม่กี่นาทีส่งผลให้ระยะเวลาในการพักฟื้นสั้นลง
- ตัวเครื่องเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด
ขั้นตอนการทำ
- เปิดแผลบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน
- ฉีดน้ำเกลือชนิดพิเศษเข้าสู่ชั้นไขมัน
- ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ เข้าไปสลายไขมัน
- เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะคลอลาเจนไม่ได้ถูกทำลาย
- สามารถฝื้นตัวและแผลหายได้เร็ว สามรถใช้ชีวิตประจำวันได้ภายใร 1-2 วัน
การเตรียมตัวก่อนทำ
- แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
- งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- ก่อนการผ่าตัด คนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
- อาจมีอาการบวมเขียวช้ำได้ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยไม่ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน
- วันรุ่งขึ้นสามารถแกะผ้าที่รัดเอาไว้ออกได้ แล้วเปลี่ยนมาใส่ชุด Support แทน ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 1 เดือนแรก
- รับประทานยาติดต่อกันตามแพทย์สั่งอย่าให้ขาด ถ้ามีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- ในช่วง 2-3 วันแรก อาจขยับตัวลำบาก อันเนื่องมาจากอาการปวดหลังการทำ (อาการจะคล้ายการปวดกล้ามเนื้อ)
- สามารถพบอาการเจ็บแสบๆ ตึง ๆ ที่ผิวได้หลังทำ อาการจะดีขึ้นหลัง 1 เดือน ปกติใน 4-6 เดือน
- ช่วง 1-3 วันแรก อาจมีน้ำหรือเลือดซึมออกจากแผลได้ถือเป็นเรื่องปกติ ที่สามาถเกิดขึ้นได้
- เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนหลังทำทันที บางรายอาจต้องรออาการบวมยุบตัวลง 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป
- หลังดูดไขมันแล้วผลจะถาวรได้จะต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
- สามารถอาบน้ำได้ตามปกติแต่ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำถ้าแผลโดนน้ำให้เช็ดแผลให้แห้ง (แนะนำให้ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ)
- งดการออกกำลังกายหรือทำงานหนักที่ทำให้เกิดการกระทบเทือน อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- ควรใส่ชุดกระชับ Support บริเวณที่ดูดไขมันโดยถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ควรใส่ติดต่อกันนาน 2-3 เดือน (ถ้ายิ่งใส่นานยิ่งเป็นผลดี)
ดูแลหลังทำด้วยโปรแกรม RF
โดยใช้เครื่องนวดปล่อยคลื่นพลังงาน RF ช่วยลดและสลายพังผืด อีกทั้งยังช่วยกระชับสัดส่วนให้ผิวเรียบเนียนไม่เป็นคลื่น และยังช่วยเดรนของเสียที่ตกค้างภายในบริเวณที่ดูดไขมันออกไป โดยสามารถเข้ามารับบริการได้หลังจาก 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งสามารถเข้ามาทำได้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
บอกลาหุ่นพัง ด้วยเทคนิคดูดไขมัน สร้างหุ่นปังเป๊ะ
สาว ๆ คนไหนที่กำลังมีความตั้งใจอยากดูดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกาย แนะนำให้อ่านบทความนี้ก่อนตัดสินใจ เพราะการดูดไขมันนั้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน จำเป็นต้องศึกษาสิ่งที่ควรรู้ก่อนศัลยกรรมนะคะ หรือเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำหัตถการก็ดีค่ะ นอกจากเรื่องร่างกายแล้วการ เตรียมใจให้พร้อมก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อหุ่นสวยเป๊ะปังตามความปรารถนาของคนไข้ค่ะ
หลังจากดูดไขมัน น้ำหนักจะลดลงมั้ย
หุ่นเป๊ะ หุ่งปังผิวหนังเต่งตึง น่าจะเป็นค่านิยมของสังคมในปัจจุบันที่หนุ่มสาวต่างให้ความสำคัญ เพราะยิ่งรูปร่างกระชับผิวพรรณขาวผ่องสดใส ก็จะทำให้ชวนมองน่าหลงใหลกันตาม ๆ ไป การศัลยกรรมดูดไขมันจึงกลายเป็นตัวเลือกแรกที่ได้รับความใจนั่นเองค่ะ
หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าการกำจัดไขมันออกไปนั้น จะช่วยทำให้น้ำหนักลด แต่จริง ๆ แล้วการกำจัดไขมันไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลด เนื่องจากไขมันเป็นเซลล์ที่มีน้ำหนักเบามาก เมื่อเทียบกับเลือด น้ำในร่างกาย และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ดังนั้นการดูดไขมันไม่ทำให้น้ำหนักลดลง แต่เป็นการช่วยลดสัดส่วนลง ให้เห็นรูปร่างที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ดูดไขมันเจ็บมั้ย ?
การกำจัดไขมันในปัจจุบันไม่ได้น่ากลัว ไม่เจ็บอย่างที่คิด แถมมีความปลอดภัยสูง โดยการกำจัดไขมันสามารถทำได้ทั้งแบบใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือการดมยาสลบร่วมด้วย แต่ถ้าจะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่จริง เนื่องจากการดูดไขมันเป็นการสอดท่อเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อดูดเอาไขมันออกมา ทำให้เนื้อเยื้อในบริเวณนั้น ๆ ได้รับการบาดเจ็บ หรืออักเสบ แต่ความเจ็บในการดูดไขมันเป็นความเจ็บที่ทนได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความอดทนของแต่ละบุคคลด้วย ถึงอย่างไรหลังดูดไขมันคนไข้อาจมีอาการเจ็บระบม แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์หลังทำหัตถการค่ะ
สาเหตุที่ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนหลังการดูดไขมัน
ผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนหลังดูดไขมัน อาจส่งผลทำให้ผิวไม่เรียบเนียน และเป็นคลื่นได้ แล้วคนไข้รู้หรือไม่ว่ายังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบได้เช่นกัน โดยมีสาเหตุอะไรบ้างไปดูกันได้เลยค่ะ
- ผิวหย่อนคล้อยตามธรรมชาติ
การเกิดรอย ผิวไม่กระชับหลังจากการกำจัดไขมันเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นการสลายไขมันที่ใช้ระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังยุบตัวตามรอยว่าง สามารถกระชับได้เองตามสภาพร่างกาย อายุ เพศ และการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไป หากมีการกระชับผิวหลังการดูดไขมัน จะสามารถช่วยกระชับผิวได้อีกระดับหนึ่ง ในกรณีของคนที่อ้วนมานาน มีไขมันสะสมปริมาณมาก เมื่อไขมันหายไปอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดความหย่อนคล้อยบ้าง แต่สำหรับคนที่อ้วนไม่นาน ผิวหนังอาจหดตัวกลับเข้ารูปได้
- ดูดไขมันมากเกินจำเป็น
คนไข้หลาย ๆ คนมักอยากให้แพทย์กำจัดไขมันออกให้หมดจนไม่เหลือไขมันทิ้งไว้เลย แต่การที่ดูดไขมันจนหมด จะทำให้ผิวหนังของคนไข้กลายเป็นคลื่นได้ แนะนำให้ดูดแต่พอดี ไม่กำจัดไขมันให้เหลือใกล้กับระดับผิวจนเกินไป
- ความเชี่ยวชาญและเทคนิคของแพทย์
เกิดจากการที่แพทย์ไม่มีความชำนาญเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสรีระของคนไข้ เลือกใช้เข้มดูดที่ใหญ่จนเกินไป เพื่อเน้นแค่ปริมาณที่เยอะ และความรวดเร็ว ตัวเข็มที่ใหญ่จะส่งผลต่อแรงดูด การหดตัวของผิวหนัง อาจทำให้ผิวหนังเกิดคลื่นได้ รวมไปถึงการกำจัดไขมันผิดชั้น หากดูดในชั้นตื้นจนเกิดไปอาจทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังเกิดความเสียหาย ผิวบริเวณนั้นจะบาง และเกิดคลื่นตามรอยเข็มดูดได้ ทั้งนี้ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อประเมินร่างกายก่อน แพทย์จะเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด
- ความร้อนจากเครื่องดูดไขมัน
การสลายไขมัน ต้องมีการใช้ความร้อนเข้าช่วย เครื่องมือบางชนิดอาจควบคุมความร้อนได้ไม่ดีพอ ส่งผล กระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงได้ บางครั้งเกิดไขมันยุบตัวจากความร้อนของเครื่องมือหลายประเภทเกินไป คือการใช้เครื่องมือหลายเครื่องรวมกันมากเกินไป เพราะกลัวเอาออกไม่หมด ทำให้เกิดความร้อนสะสม หากแพทย์ไม่ชำนาญพอในการควบคุมความร้อน อาจจะทำลายเซลล์ไขมันมากจนเกินความจำเป็น หรือลึกเกินไปจนถึงไขมันที่ติดกับชั้นผิวหนัง และเมื่อไขมันถูกทำลายเป็นบางจุด อาจทำให้ผิวขรุขระ และเป็นคลื่นได้
- ใส่ชุดกระชับไม่ถูกต้อง
ชุดกระชับที่เลือกใส่หลังการกำจัดไขมัน ควรเป็นชุดที่ออกแบบมาสำหรับการดูดไขมันโดยเฉพาะ หากใส่ชุดกระชับที่รัดแน่นจนเกินไป จะทำให้เกิดริ้วรอย หรือรอยย่นได้ การใส่ชุดยกกระชับเป็นขั้นตอนการดูแลตัวเองที่สำคัญที่สุด ไม่เพียงแต่จะทำให้สัดส่วนเล็กลง เข้าที่ไว ยังช่วยลดปัญหาผิว และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะฉะนั้นควรใส่ชุดกระชับทันทีหลังการดูดไขมันเสร็จ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 วัน และใส่นาน 4 – 6 เดือน เพื่อล็อคผิวไม่ให้ขยับตัว และทำให้ผิวหนัง กล้ามเนื้อชิดติดกันได้เร็วขึ้นด้วย
ดูดไขมันบวมกี่วัน
เนื่องจากเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินออกในปริมาณมากภายในครั้งเดียว จึงทำให้เกิดอาการบวมได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งกว่าที่ผิวหนังจะเข้าที่ และสวยงงาม จึงต้องใช้เวลาที่นาน ในบางรายที่ดูดไขมันไปแล้วอาจมีผิวหนังที่ไม่เรียบเนียน หรือมีลักษณะเป็นคลื่นได้ หลังจากดูดไขมันอาการบวมจะแบ่งเป็น 3 ช่วง
- ช่วง 2 อาทิตย์ – 1 เดือน ผิวจะดูบวม แน่น ตึง ขึ้นมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและปัจจัยอื่นๆ เช่น การดูแลร่างกาย การประคบเย็น หมอที่ทำหัตถการ รวมไปถึงการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หากเป็นคนที่ช้ำง่าย บริเวณที่ดูดไขมันอาจมีอาการช้ำเกิดขึ้นได้ ในช่วง 3 วันแรกอาจมีเลือดและน้ำไหลซึมออกมา
- ช่วงหลัง 1 เดือน ผิวเริ่มมีอาการตึง บวม น้อยลง เมื่อเริ่มยุบผิวจะนิ่มขึ้น แต่อาจจะนิ่มไม่สม่ำเสมอ อาจมีลักษณะขรุขระได้ ผิวจะยังรู้สึกไม่เฟิร์มกระชับ และยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาก ในช่วงนี้การใส่ชุดกระชับเป็นสิ่งสำคัญมาก
- ช่วง 2-3 เดือน เห็นสัดส่วนจะเข้าที่ ผิวมีความกระชับมากยิ่งขึ้น คนไข้จะรู้สึกสบายตัว เหลือเพียงบางจุดเท่านั้นที่ยังมีอาการตึง ๆ หรือเป็นก้อนเล็ก ๆ แต่พอผิวนิ่มขึ้นเท่ากันหมดอาการเหล่านี้จะหายไป
รีวิวจากผู้ใช้บริการ
รีวิวดูดไขมันต้นแขน
ภาพก่อนและหลัง เข้ารับบริการดูดไขมันต้นแขน เห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณต้นแขนไขมันลดลงและดูกระชับขึ้นอย่างชัดเจน
รีวิวดูดไขมันต้นขา
ภาพก่อนและหลัง เข้ารับบริการดูดไขมันต้นขานอก (Vaser Lipsuction) เห็นได้ว่าบริเวณต้นขา ดูกระชับขึ้นและเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
รีวิวดูดไขมันตัว
ภาพก่อนและหลัง เข้ารับบริการดูดไขมันตัว (Body Lipsuction) ออกไป 1,400 cc. เห็นได้ชัดเจนว่าข่วงข้างลำตัวและบริเวณเอว ดูเล็กลงมีส่วนเว้า ส่วนโค้งอย่างชัดเจน
รางวัล J – Plasma 3 ปีซ้อน Black Diamond Award 2024 ศูนย์ดูดไขมันโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช
โปรโมชั่นดูดไขมัน
ทีมแพทย์
แหล่งอ้างอิง
บทสัมภาษณ์ THAI Pbs คุณหมอพีท นพ.ภัทรเดช เจียมสว่างพร เรื่องข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน https://www.youtube.com/watch?v=Jdha-gZxPdc